Vitinha ซัดแฮตทริกช่วยให้ปารีส แซงต์ แชร์กแมง พลิกแซงเอาชนะท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ไปได้ 5-3 ในเกมแชมเปี้ยนส์ลีกสุดมันส์เมื่อวันพุธที่ผ่านมา
ดาวเตะแดนกลาง Vitinha ซัดแฮตทริกช่วยให้ปารีส แซงต์ แชร์กแมง พลิกแซงเอาชนะท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ไปได้ 5-3 ในเกมแชมเปี้ยนส์ลีกสุดมันส์เมื่อวันพุธที่ผ่านมา
กลางค่ำคืนฟุตบอลยุโรปที่ปารีส แฟนบอลทั่วโลกได้ชมหนึ่งในเกมยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกที่มันที่สุดของฤดูกาล เมื่อ Paris Saint-Germain แชมป์เก่ายูโรป เปิดบ้านรับการมาเยือนของ Tottenham Hotspur ในแมตช์ที่เต็มไปด้วยประตู จังหวะพลิกไปมา และเรื่องราวส่วนตัวที่เข้มข้นของหลายตัวละครในสนาม
สกอร์สุดท้ายจบลงที่ PSG ชนะ 5-3 แต่ระหว่างทางของเกมนี้มีทั้งดราม่า การแซงกลับไปกลับมา โอกาสที่ไม่ควรพลาด การป้องกันที่หละหลวม และเหนือสิ่งอื่นใดคือ “ค่ำคืนในฝัน” ของวิตินญ่าเพลย์เมกเกอร์ชาวโปรตุเกสที่กดแฮตทริกแรกในชีวิตการค้าแข้งของเขา
เกมนี้ไม่ได้เป็นเพียงการเก็บสามคะแนนในรอบลีกเฟสเท่านั้น แต่ยังเป็นการส่งสัญญาณชัดเจนว่า PSG ชุดปัจจุบัน แม้จะมีปัญหานักเตะบาดเจ็บและการโรเตชัน ก็ยังมีบุคลิกของทีมแชมป์เก่าที่ยังไม่ยอมปล่อยบัลลังก์ยุโรปไปง่าย ๆ
Tottenham เปิดก่อน ขึ้นนำ และหวัง “หลอกหลอน” ทีมเก่า
ฝ่ายที่ออกสตาร์ตดีกว่าคือ Tottenham ของโค้ช Thomas Frank ซึ่งพยายามปรับภาพลักษณ์ทีมให้กลับมาดุดันหลังเพิ่งโดน Arsenal ถล่ม 4-1 ในเกมก่อนหน้า
สเปอร์สเลือกเล่นอย่างกล้าหาญ เปิดหน้าแลก ใช้สองกองหน้าสร้างความวุ่นวายในแนวรับของ PSG โดยเฉพาะ Randal Kolo Muani ที่ยืมตัวมาจาก PSG เอง และตั้งใจจะ “ลงโทษ” สโมสรต้นสังกัดให้ได้
ในนาทีที่ 35 แผนของ Frank ก็ได้ผล Archie Gray เปิดบอลจากฝั่งซ้ายไปที่เสาสอง Kolo Muani โหม่งชงกลับเข้ากลางและเป็น Richarlison โขกจ่อ ๆ เข้าประตูไป กลายเป็นประตูที่สามในสามนัดติดต่อกันของกองหน้าบราซิล และเป็นประตูที่หกในฤดูกาลนี้
สเปอร์สขึ้นนำ 1-0 จากโอกาสจะแจ้งครั้งแรกของพวกเขาในเกม เป็นการบอกให้ PSG รู้ว่า เกมนี้ไม่มีคำว่าง่ายแม้จะเล่นในบ้านก็ตาม
Vitinha จุดประกาย ตีเสมอก่อนพักครึ่งแบบสุดสวย
แต่ความตั้งใจจะคว้าชัยในบ้านของ PSG ก็ชัดเจนไม่แพ้กัน แชมป์เก่าพยายามตอบโต้ทันทีด้วยจังหวะบุกที่หลากหลาย ทั้งการต่อบอลพื้นสลับขึ้นเกมด้านข้าง การประสานงานของแดนกลาง และการสอดขึ้นของฟูลแบ็ก
ท้ายครึ่งแรก ความพยายามของ PSG ก็ได้ผล เซ็ตเกมขึ้นมาทางกลางสนาม บอลถูกส่งต่อมาถึง Quentin Ndjantou ก่อนจ่ายให้วิตินญ่าที่ยืนอยู่หน้ากรอบเขตโทษ
วิตินญ่าปล่อยบอลไหลผ่านขาไปด้านขวาเล็กน้อยเพื่อเปิดมุม แล้วกดด้วยขวาเต็มข้อ บอลพุ่งด้วยวิถีที่สวยงามชนคานด้านล่างก่อนเด้งเข้าประตู กลายเป็นประตูตีเสมอ 1-1 ที่ทั้งสวยและสำคัญอย่างยิ่ง
สำหรับ PSG มันคือการปลดล็อกความกดดันก่อนจบครึ่งแรก
สำหรับ Vitinha มันคือสัญญาณว่า นี่อาจเป็น “ค่ำคืนของเขาจริง ๆ”
ครึ่งหลังเดือด! สกอร์ไหลผลัดกันยิง แทบไม่ให้ได้หายใจ
เริ่มครึ่งหลังได้ไม่นาน ความมันของเกมเพิ่มขึ้นแบบเท่าตัว
สเปอร์สใช้เกมสวนกลับฉาบฉวยเล่นงานแนวรับ PSG อีกครั้ง บอลจากจังหวะยิงของ Archie Gray ที่ถูกเคลียร์จากเส้นโดย Willian Pacho กลับไม่ปลอดภัยอย่างที่คิด เพราะลูกที่เด้งออกมายังไม่หลุดจากเขตอันตราย
Kolo Muani ตามมาเก็บบอลจังหวะสองก่อนอัดเต็มข้อ ส่งบอลตุงตาข่าย เป็นประตูแรกของเขาในเสื้อ Tottenham หลังย้ายมาด้วยสัญญายืมตัวจาก PSG เอง และเป็นการขึ้นนำ 2-1 ที่เต็มไปด้วยความหมายทางอารมณ์
แต่แชมป์เก่าก็ไม่ยอมให้เรื่องราวจบแบบนั้น
Vitinha โชว์ของอีกครั้ง ตีเสมอ 2-2 ด้วยเท้าซ้ายสุดนิ่ง
เพียงไม่นานหลังจากนั้น PSG ก็แสดงให้เห็นว่า ทำไมพวกเขาถึงยังเป็นทีมที่ไม่มีใครประมาทได้
จังหวะนี้เริ่มจาก Khvicha Kvaratskhelia ที่เลี้ยงตัดเข้ากลาง ก่อนแทงทะลุช่องไปให้ วิตินญ่า บริเวณเส้นกรอบเขตโทษ
วิตินญ่า แตะบอลหนึ่งจังหวะหลอกแนวรับสเปอร์ส แล้วซัดด้วยซ้ายบอลพุ่งเรียดเสียบมุมอย่างเยือกเย็น กลายเป็นประตูที่สองของเขาในเกม และทำให้สกอร์เท่ากันที่ 2-2
สิ่งที่น่าสนใจไม่ใช่แค่คุณภาพของการจบสกอร์ แต่คือ “ความนิ่ง” และ “ความเฉียบ” ที่วิตินญ่าแสดงออกในเกมที่เต็มไปด้วยความกดดัน
จากมิดฟิลด์ที่มักถูกมองว่าเป็นตัวเชื่อมเกม เขาก้าวขึ้นมาเป็นตัวตัดสินผลการแข่งขันอย่างเต็มตัวในค่ำคืนนี้
PSG พลิกขึ้นนำ Ruiz และ Pacho เติมสกอร์จนเกมแทบขาด
หลังตีเสมอเป็น 2-2 PSG เริ่มคุมอารมณ์เกมได้ดีกว่า ความมั่นใจไหลกลับมาสู่ผู้เล่นทุกตำแหน่ง
ในจังหวะหนึ่งบริเวณหน้ากรอบเขตโทษของสเปอร์ส Pape Matar Sarr ถูกแย่งบอลได้ และลูกกลิ้งไปถึง Joao Neves ที่จ่ายแบ็กฮีลอย่างเหนือชั้นย้อนให้ Fabian Ruiz วิ่งมากดเสียบเสาอย่างเฉียบคม กลายเป็นประตู 3-2 ที่ทำให้ PSG ขึ้นนำเป็นครั้งแรกในเกม
ไม่เพียงเท่านั้น ลูกเตะมุมในช่วงถัดมา แนวรับสเปอร์สป้องกันกันอย่างลนลาน บอลตกใส่เท้าของ Willian Pacho ที่เติมขึ้นมาช่วยลุ้นในเขตโทษ และเขาไม่พลาดจิ้มเข้าไป กลายเป็นสกอร์ 4-2
จังหวะนี้เผยให้เห็นปัญหาใหญ่ของ Spurs อย่างชัดเจน
- การยืนประกบในลูกเซตเพลย์หลวม
- การเคลียร์บอลไม่ขาด
- การสื่อสารในแนวรับไม่ชัดเจน
เมื่อเผชิญหน้ากับทีมที่มีคุณภาพการจบสกอร์ระดับ PSG ความผิดพลาดเล็กน้อยจึงกลายเป็นบาดแผลขนาดใหญ่ทันที
Kolo Muani ไม่ยอม ซัดเม็ดสองไล่มา 4-3 จากความผิดพลาดของ วิตินญ่า เอง
แม้จะถูกนำห่างถึง 4-2 แต่เกมของสเปอร์สก็ยังไม่ตายง่าย ๆ
วิตินญ่าที่กำลังเล่นอย่างมั่นใจดันมีโมเมนต์พลาดเสียบอลในแดนตัวเองแบบไม่น่าจะเกิดขึ้น บอลถูกตัดได้และไหลมาถึง Kolo Muani ที่ยิงสวนทันทีเข้าประตู เป็นสกอร์ไล่มา 4-3 และเป็นประตูที่สองของเขาในเกม
นี่คือความย้อนแย้งที่น่าสนใจ – ฮีโร่ของ PSG ในเกมนี้คือ Vitinha แต่ประตูหนึ่งของ Spurs ก็เกิดจากความผิดพลาดของเขาเองเช่นกัน
เกมกลับมามีลุ้นอีกครั้ง แฟนบอลทีมเยือนเริ่มเชื่อว่าปาฏิหาริย์อาจเกิดขึ้นได้
วิตินญ่า ปิดจ็อบจากจุดโทษ แฮตทริกแรกในชีวิต ปิดกล่อง 5-3
ทว่าช่วงท้ายเกม โชคชะตาก็หันกลับมายิ้มให้วิตินญ่าอีกครั้ง
จังหวะยิงในเขตโทษของเขาถูก Cristian Romero ยกแขนบล็อกบอล ผู้ตัดสินเป่าเป็นจุดโทษทันที หลังตรวจเช็กจอ VAR ยืนยันไม่มีข้อโต้แย้ง
วิตินญ่ารับหน้าที่สังหารด้วยตัวเอง บอลพุ่งเสียบมุมอย่างมั่นใจ แม้เคยยิงพลาดในการดวลจุดโทษกับ Spurs ในศึกยูฟ่า ซูเปอร์คัพ มาก่อน แต่ครั้งนี้เขาไม่พลาด
สกอร์ขยับเป็น 5-3 และกลายเป็น แฮตทริกแรกในชีวิตการเล่นระดับอาชีพของ วิตินญ่า
หลังเกมเขาพูดกับ Canal Plus ว่า
“นี่คือครั้งแรกในชีวิตที่ผมยิงได้สามประตูในหนึ่งเกม และแม้แต่ยิงสองลูกในนัดเดียวก็ยังไม่เคยทำมาก่อน มันพิเศษมาก แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือผมดีใจที่ทีมกลับมาชนะได้จากการตามหลังถึงสองครั้ง”
มันไม่ใช่แค่ตัวเลขสามประตู แต่มันคือการยืนยันว่าเขาเป็นมากกว่ามิดฟิลด์ต่อเกมธรรมดา เขาคือ “จุดชี้ขาด” ในเกมสำคัญได้ด้วย
PSG ใกล้เข้ารอบน็อกเอาต์ ส่วน Spurs ยังต้องลุ้นหนัก
ชัยชนะนัดนี้ทำให้ PSG เก็บเพิ่มเป็น 4 ชัยชนะจาก 5 นัดในรอบลีกเฟส ใกล้การันตีการจบท็อป 8 ซึ่งหมายถึงการเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายแบบอัตโนมัติ
แม้จะมีปัญหาเรื่องใบแดงของ Lucas Hernandez ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ จากจังหวะศอกใส่ Xavi Simons ซึ่งอาจส่งผลต่อแมตช์ถัดไป แต่ในภาพรวมแล้ว PSG แสดงให้เห็นถึง
- ความแข็งแกร่งทางจิตใจ
- ความลึกของขนาดทีม
- ความสามารถในการกลับมาจากการตามหลังสองครั้งในเกมเดียว
ด้าน Spurs หล่นไปอยู่ลำดับ 16 ในตารางลีกเฟส แต่ยังไม่หมดหวัง พวกเขายังมีโอกาสเก็บคะแนนจากเกมกับ Slavia Prague ในแมตช์ถัดไป เพื่อลุ้นตั๋วเข้ารอบต่อไป
อย่างไรก็ตาม สถิติที่น่ากังวลคือ สเปอร์สเสีย 11 ประตูในสามนัดหลังสุด และชนะเพียง 3 จาก 12 เกมล่าสุดในทุกรายการ นั่นแสดงว่าปัญหาไม่ได้อยู่แค่ในเกมนี้ แต่เป็นอาการเรื้อรังที่ต้องแก้เร่งด่วนทั้งในแง่โครงสร้างเกมรับและความมั่นใจของทีม
โค้ช Thomas Frank ยังพยายามมองแง่ดี เขายืนยันหลังเกมว่า
“ผมพอใจกับความกล้าหาญและความดุดันของทีม วันนี้เราแสดงตัวตนของทีมได้ดีขึ้น มีหลายอย่างที่เป็นสัญญาณเชิงบวก โดยเฉพาะการที่สองกองหน้าทำได้สามประตูร่วมกัน”
แต่ในระดับแชมเปียนส์ลีก ถ้าคุณเสียประตูมากขนาดนี้ คำว่าพอใจกับฟอร์มอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอแล้ว
บทสรุป ค่ำคืนของ วิตินญ่า และข้อความจาก PSG ถึงทั้งยุโรป
เกมนี้จะถูกจดจำในหลายมิติ
- ในมุมของวิตินญ่านี่คือคืนที่เขายืนยันสถานะ “สตาร์แดนกลาง” อย่างเต็มตัว
- ในมุมของ PSG นี่คือชัยชนะที่แสดงให้เห็นถึงคาแรกเตอร์ของทีมแชมป์เก่า
- ในมุมของ Tottenham นี่คือสัญญาณเตือนว่าถ้าไม่ขันเกมรับให้แน่น โอกาสในยุโรปอาจหายวับไปอย่างรวดเร็ว
แต่สิ่งหนึ่งที่ชัดเจนคือ แชมเปียนส์ลีกฤดูกาลนี้ยังเต็มไปด้วยเรื่องเล่าอีกมาก และทีมอย่าง PSG ก็ยังคงเป็นตัวเต็งที่ไม่มีใครอยากเจอในรอบน็อกเอาต์
ถ้าคุณชอบดูเกมเดือด ๆ แบบ PSG ชน Spurs หรือบิ๊กแมตช์แชมเปียนส์ลีกคู่อื่น ๆ การมีช่องทางลุ้นที่ทั้งปลอดภัย เสถียร และเข้าเล่นง่าย จะช่วยให้ทุกนาทีในสนามสนุกขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า
ดูบอลไป ลุ้นไป ใช้งานง่ายทั้งมือถือและคอม เพียงคลิกเดียวเริ่มประสบการณ์ใหม่กับ ufabet ทางเข้า
