ข่าวอาร์เซนอล: ท่าทีของ Martin Odegaard เผยตัวตนที่แท้จริง – ขณะที่ Gabriel Jesus ตอกกลับข่าวลืออนาคตในถิ่นเอมิเรตส์
ช่วงเบรกทีมชาติครั้งนี้ แฟนบอลอาร์เซนอลอาจไม่ได้เห็นทีมลงสนาม แต่เรื่องราวรอบสโมสรกลับเข้มข้นไม่แพ้ช่วงโปรแกรมเตะถี่ ๆ โดยเฉพาะข่าวของสองสตาร์ที่กำลังอยู่ในช่วงพักรักษาอาการบาดเจ็บอย่าง Martin Odegaard และ Gabriel Jesus ซึ่งทั้งคู่ต่างแสดงให้เห็น “ตัวตนที่แท้จริง” ผ่านการตัดสินใจและคำพูดของพวกเขาในสัปดาห์ที่ผ่านมา และส่งผลโดยตรงต่อบรรยากาศในทีมของ Mikel Arteta ก่อนเข้าสู่ช่วงโปรแกรมโหดปลายปี
อาร์เซนอลเข้าสู่เบรกทีมชาติด้วยความรู้สึกผสมระหว่างเสียดายกับมั่นใจ เสมอ 2-2 กับซันเดอร์แลนด์ทำให้สถิติคลีนชีตอันยอดเยี่ยมต้องหยุดลง แต่ฟอร์มรวมในช่วงสามเดือนแรกของฤดูกาลยังถือว่าน่าประทับใจอย่างยิ่ง เดอะ กันเนอร์สยังนำเป็นจ่าฝูงพรีเมียร์ลีกห่าง 4 คะแนน และเก็บชัยชนะในยูฟ่า แชมเปียนส์ลีกได้แบบ 100% เต็ม เบรกทีมชาติจึงกลายเป็นช่วงเวลาสำคัญที่ Arteta ใช้เพื่อตั้งหลัก ทบทวนจุดบกพร่อง และเตรียมทีมให้พร้อมสำหรับ “ด่านหิน” ทั้งดาร์บี้ลอนดอนเหนือกับสเปอร์ส นัดชี้ชะตากับบาเยิร์น มิวนิก และเกมเยือนเชลซีที่สแตมฟอร์ดบริดจ์
ภายใต้ฉากหลังของโปรแกรมสุดโหดนั้น สายตาของแฟนบอลจำนวนมากก็จับจ้องไปยังอาการบาดเจ็บของนักเตะตัวหลัก โดยหนึ่งในคนที่ถูกพูดถึงมากที่สุดคือ Martin Odegaard กัปตันทีมผู้เป็นเสาหลักทั้งในสนามและห้องแต่งตัว เพลย์เมกเกอร์ชาวนอร์เวย์วัย 26 ปีต้องพักยาวหลังเจ็บเข่าจากเกมกับเวสต์แฮมก่อนเบรกทีมชาติเดือนตุลาคม และยังไม่ได้ลงช่วยทีมตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
อย่างไรก็ตาม แทนที่ Odegaard จะใช้เบรกทีมชาติครั้งนี้เป็นโอกาส “พักยาว” อยู่บ้านหรือไปพักผ่อน เขากลับตัดสินใจเดินทางไปร่วมแคมป์ทีมชาตินอร์เวย์ แม้จะรู้ล่วงหน้าว่าไม่สามารถลงสนามได้ การเลือกไปอยู่กับเพื่อนร่วมทีมชาติทั้งที่ยังเจ็บอยู่ แสดงให้เห็นชัดเจนถึงความเป็นผู้นำและความรับผิดชอบในฐานะกัปตันทีมชาติ ที่ไม่ได้มีหน้าที่แค่ในสนาม แต่รวมถึงการอยู่เคียงข้างเพื่อนร่วมทีมในช่วงเวลาสำคัญด้วย
ภาพที่สื่อถ่ายได้จากเกมที่นอร์เวย์เอาชนะเอสโตเนีย 4-1 คือ Odegaard นั่งเชียร์อยู่บนสแตนด์ด้วยสีหน้าลุ้นทุกจังหวะ จากนั้นเมื่อจบเกม เขาลงไปฉลองกับเพื่อน ๆ ทั้งในสนามและในห้องแต่งตัว พูดคุย หัวเราะ และร่วมเต้นไปกับเพลงที่เปิดดังไปทั่วห้อง ภาพเหล่านี้ทำให้แฟนบอลอาร์เซนอลจำนวนมากรู้สึกอบอุ่นใจ เพราะสะท้อนว่าเขายังเปี่ยมไปด้วยแพสชั่น และเต็มไปด้วยพลังบวก แม้ร่างกายยังไม่พร้อมลงช่วยทีม
รายงานจากสื่ออังกฤษระบุว่า การที่ Odegaard เลือกไปเข้าร่วมทีมชาติ ทั้งที่มีทางเลือกจะ “พักเพิ่ม” อยู่ที่ลอนดอนโคลนีย์ เป็นสัญญาณที่บอกได้ดีถึงตัวตนของเขา เขาไม่ใช่คนที่ถอยห่างจากความรับผิดชอบในวันที่ลงสนามไม่ได้ แต่กลับพยายามเติมพลังใจให้เพื่อนร่วมทีมในเกมสำคัญของชาติ
สตาเล โซลบักเคน เฮดโค้ชนอร์เวย์ก็ออกมาอัปเดตถึงอาการของกัปตันคนสำคัญ โดยระบุว่าการฟื้นตัว “เป็นไปอย่างต่อเนื่องและมั่นคง” แต่ก็ยอมรับตามตรงว่า Odegaard ยังห่างจากการพร้อมลงสนามอยู่พอสมควร คำพูดลักษณะนี้ทำให้แฟนบอลอาร์เซนอลพอเบาใจได้ว่า กระบวนการรักษาไม่สะดุด แต่ก็เตือนให้ทุกคนไม่คาดหวังการหายกลับมาแบบฉับพลันเกินไป
หากมองจากมุมมองของสโมสร การที่นักเตะคนหนึ่งเลือกใช้เบรกทีมชาติไปกับการ “ยืนอยู่เคียงข้างทีม” แทนการหายไปพักผ่อนเงียบ ๆ ถือเป็นสัญญาณด้านทัศนคติที่สำคัญ มันบอกเราว่า Odegaard รู้ดีว่าบทบาทของตัวเองไม่ได้มีความหมายเฉพาะตอนลงไปจ่ายคิลเลอร์พาสหรือยิงประตูเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการเป็นแรงบันดาลใจ การให้กำลังใจ และการช่วยสร้างบรรยากาศเชิงบวกในทีมอีกด้วย
ด้านแฟนบอลอาร์เซนอลเองก็รู้สึกว่า ปฏิกิริยาของ Odegaard ในช่วงเจ็บช่วยย้ำว่าชุดปัจจุบันของ Arteta ไม่ได้มีแค่ผู้เล่นฝีเท้าดี แต่มีผู้นำที่มีความเป็นมืออาชีพสูง ทำให้มีเหตุผลมากขึ้นที่ทีมจะเดินหน้าลุ้นแชมป์ในระยะยาวได้อย่างจริงจัง
หันมาที่อีกฟากหนึ่งของข่าวใหญ่ในสัปดาห์เดียวกัน ชื่อของ Gabriel Jesus ถูกหยิบยกขึ้นมาบนหน้าสื่ออย่างต่อเนื่อง หลังจากมีกระแสข่าวลือว่าเขาอาจเตรียมอำลาเอมิเรตส์ในอนาคตอันใกล้ เนื่องจากการบาดเจ็บยาวนานและการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นในแนวรุกของทีม อย่างไรก็ตาม ดาวยิงบราซิเลียนวัย 28 ปีไม่ปล่อยให้ข่าวลือดังกล่าวลุกลามเกินควบคุม เขาเลือกตอบโต้ด้วยคำพูดที่ชัดเจนและหนักแน่น
Jesus เพิ่งกลับมาซ้อมเต็มรูปแบบกับทีมได้ไม่นาน หลังต้องพักยาวจากการผ่าตัดเอ็นไขว้หน้าจากเกมเอฟเอคัพกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา กระบวนการฟื้นฟูกินเวลาถึง 9–10 เดือนเต็ม ทำให้เขาหลุดจากภาพจำ “กองหน้าตัวหลัก” ของอาร์เซนอลไปช่วงหนึ่ง ที่สำคัญแนวรุกของทีมก็มีการเปลี่ยนแปลง ทั้งการขยับบทบาท Kai Havertz และการเสริม Viktor Gyökeres เข้ามาเป็นตัวเลือกในแดนหน้า ทำให้สื่อบางสำนักเริ่มตั้งคำถามว่า ยังมีพื้นที่สำหรับ Jesus หรือไม่ในระยะยาว
ในบทสัมภาษณ์กับสื่อบราซิล เขายืนยันชัดว่า “ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่จะคิดถึงการย้ายออกจากอาร์เซนอล” พร้อมอธิบายว่า การเพิ่งผ่านการผ่าตัดครั้งใหญ่และกระบวนการฟื้นฟูอันซับซ้อน ทำให้การกลับมาเล่นให้สโมสรเดิมให้ดีที่สุดคือเป้าหมายสำคัญที่สุดในเวลานี้ มากกว่าจะคิดถึงการเริ่มต้นใหม่ที่อื่น
เมื่อถูกถามถึงข่าวลือเรื่องการกลับไปเล่นให้พัลไมรัสสโมสรแรกในชีวิตค้าแข้ง Jesus ยอมรับว่าการกลับบ้านเกิดคือสิ่งที่อยู่ในใจของเขาเสมอ แต่ก็ย้ำว่าการตัดสินใจใด ๆ ในอนาคตต้องเกิดขึ้น “ร่วมกับอาร์เซนอล” และต้องเป็นไปตามช่วงเวลาที่เหมาะสม ไม่ใช่ตอนที่เขายังไม่ทันได้พิสูจน์ตัวเองหลังกลับจากอาการบาดเจ็บ
ส่วนข้อความที่แข็งกร้าวชัดเจนที่สุดคือการที่เขาแสดงความไม่พอใจต่อสื่อบางเจ้า ที่เล่นข่าวเรื่องอนาคตของเขาอย่างไร้พื้นฐาน โดยเขาเน้นว่าตัวเองเพิ่งผ่านช่วงเวลายากลำบากจากการรักษา และกำลังต่อสู้เพื่อกลับมายืนในทีมอีกครั้ง การเอาเรื่องย้ายทีมมาผูกกับเขาในจังหวะนี้ จึงเหมือนเป็นการไม่ให้เกียรตินักเตะที่กำลังพยายามอย่างหนักทั้งในสนามซ้อมและห้องฟื้นฟู
ในมุมของ Mikel Arteta ผู้จัดการทีมอาร์เซนอลก็ออกมาหนุนหลังลูกทีมอย่างเต็มที่ เขาพูดถึง Jesus ว่าเป็นผู้เล่นประเภท “ทำนายไม่ได้” เต็มไปด้วยพลังและความดุดัน พร้อมย้ำว่าไม่ใช่เรื่องง่ายที่นักเตะคนหนึ่งต้องเผชิญกับบาดเจ็บรุนแรงหลายครั้งในช่วงเวลาไม่กี่ปี แต่ยังคงมีไฟ มีความหิวกระหาย และยังอยากกลับมาช่วยทีมในระดับสูงสุด
Arteta เชื่อว่า เมื่อ Jesus กลับมาฟิตสมบูรณ์ เขาจะเพิ่มมิติการเล่นให้ทีมในแบบที่ยังไม่มีใครแทนได้ ไม่ว่าจะเป็นการวิ่งเพรสจากแดนหน้า การเชื่อมเกม การลงมาเชื่อมบอลระหว่างกลางสนามกับกรอบเขตโทษ หรือการสร้างพื้นที่ให้เพื่อนร่วมทีมอย่างบูกาโย ซาก้า หรือปีกอีกฝั่งได้มีช่องเจาะแนวรับคู่แข่งมากขึ้น
จากสองเหตุการณ์ของ Odegaard และ Jesus จะเห็นได้ว่า แม้ทั้งคู่กำลังอยู่ในบทบาท “นักเตะเจ็บ” แต่กลับกลายเป็นจุดโฟกัสสำคัญที่ส่งผลต่อบรรยากาศในทีม ทั้งในเชิงความรู้สึกและในมิติของแผนการเล่นระยะยาว การที่กัปตันทีมชาติเลือกเดินทางไปอยู่กับเพื่อนร่วมทีมในสัปดาห์สำคัญ และกองหน้าตัวหลักออกมาแสดงจุดยืนชัดเจนว่าอยากสู้ต่อในเสื้ออาร์เซนอล สองสิ่งนี้สะท้อนให้เห็นถึงวัฒนธรรมในทีมที่กำลังถูกปลูกฝังอย่างแน่วแน่ภายใต้ยุคของ Arteta
แฟนบอลเดอะ กันเนอร์สจึงมีเหตุผลเต็มเปี่ยมที่จะมองอนาคตด้วยความหวัง แม้ว่ายังมีคำถามเกี่ยวกับความฟิต การกลับมาของผู้เล่นสำคัญ และการแข่งขันที่ดุเดือดทั้งในลีกและยุโรป แต่เมื่อแกนหลักของทีมมีทัศนคติที่ถูกต้อง เชื่อในโปรเจ็กต์ และพร้อมทุ่มเทให้ทั้งสโมสรและทีมชาติ โอกาสที่อาร์เซนอลจะรักษาระดับการลุ้นแชมป์ไปจนถึงปลายซีซันก็ย่อมมีมากขึ้นตามไปด้วย
สำหรับคนที่ติดตามข่าวอาร์เซนอลอย่างใกล้ชิด การมองเกมผ่านมุมแท็กติก ฟอร์มนักเตะ และสภาพจิตใจของทีม สามารถต่อยอดไปสู่การวิเคราะห์ความน่าจะเป็นในแมตช์สำคัญ ทั้งดาร์บี้ลอนดอนเหนือ หรือเกมชี้ชะตาในแชมเปียนส์ลีกได้อย่างมีตรรกะมากขึ้น หากคุณอยากเปลี่ยนจากการเป็นผู้ชมอย่างเดียว มาลองสวมบทนักวิเคราะห์ที่ใช้ข้อมูลนำหน้าความรู้สึก การเลือกฝั่งลงทุนผ่าน ufabet แทงบอล ก็อาจเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยเพิ่มอรรถรสในการเชียร์บอล แต่อย่าลืมว่าทุกการตัดสินใจควรมาพร้อมการวางแผนเงินทุนและการเล่นอย่างมีสติ เพื่อให้ความสนุกของฟุตบอลยังคงอยู่กับคุณในระยะยาว ไม่ว่าผลการแข่งขันจะออกมาแบบไหนก็ตาม
