มิเกล เมริโน่ โขกกู้ชีพ ปืนใหญ่บุกเจ๊าเชลซี 10 คน รักษาจ่าฝูงแต่โดนไล่เหลือ 5 แต้ม
มิเกล เมริโน่ ซัดประตูชัยช่วยให้อาร์เซนอลเอาชนะเชลซีที่เหลือ 10 คนได้สำเร็จ ขณะที่คะแนนนำในพรีเมียร์ลีกลดลงเหลือ 5 คะแนน แม้ว่ากองกลางเชลซีอย่าง โมเสส ไกเซโด จะได้รับใบแดง แต่เดอะบลูส์ก็สามารถขึ้นนำได้สำเร็จจากการยิงของเทรโวห์ ชาโลบาห์
ศึกลอนดอนดาร์บี้ที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ เต็มไปด้วยความดุเดือดตลอด 90 นาที เชลซีเหลือผู้เล่นเพียง 10 คนตั้งแต่ท้ายครึ่งแรก แต่กลับเป็นฝ่ายออกนำก่อนจากลูกโหม่งของเทรโวห์ ชาโลบาห์ ทว่าอาร์เซน่อลไม่ยอมง่ายๆ เมื่อมิเกล เมริโน่ สอดขึ้นมาโหม่งตีเสมอในครึ่งหลัง ช่วยให้ “ปืนใหญ่” เก็บหนึ่งแต้มสำคัญกลับออกไป พร้อมรักษาตำแหน่งจ่าฝูงพรีเมียร์ลีก แต่ช่องว่างกับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ถูกย่อลงเหลือเพียง 5 คะแนนเท่านั้น
ก่อนเกมนี้ อาร์เซน่อลอยู่ในช่วงฟอร์มร้อนแรงไร้พ่าย 17 นัดติดต่อกันรวมทุกรายการ ชนะถึง 14 นัด ขณะที่เชลซีก็ไม่ธรรมดา เก็บสถิติไม่แพ้ใครมา 7 นัดรวด และเพิ่งถล่มบาร์เซโลน่า 3-0 ในแชมเปียนส์ลีก ส่วนอาร์เซน่อลเองก็เพิ่งจัดการบาเยิร์น มิวนิค 3-1 ทำให้บรรยากาศก่อนลงสนามเต็มไปด้วยความมั่นใจทั้งสองฝั่ง อย่างไรก็ตาม มิเกล อาร์เตต้า ต้องเจอข่าวร้ายเมื่อวิลเลี่ยม ซาลิบา เซนเตอร์ฮาล์ฟคนสำคัญบาดเจ็บ พลาดลงช่วยทีมในเกมนี้
เอ็นโซ่ มาเรสก้า นายใหญ่เชลซีพยายามลดกระแสกดดัน โดยย้ำว่า “ยังไม่ขอพูดเรื่องลุ้นแชมป์” เพราะทีมยังอายุน้อยและกำลังอยู่ในช่วงสร้างตัว แต่เมื่อเข้าสู่เกมจริง ลูกทีมของเขาแสดงให้เห็นชัดเจนว่าพร้อมจะยืนระยะชนกับจ่าฝูงอย่างไม่เกรงกลัว โดยเฉพาะการเพรสซิ่งสูง ใส่แรงในทุกจังหวะปะทะจนกลายเป็นสงครามกลางแดนอย่างแท้จริง
ครึ่งแรกเริ่มต้นด้วยจังหวะลุ้นของทั้งสองฝั่ง อาร์เซน่อลมีโอกาสก่อนจากลูกยิงมุมแคบของบูคาโย่ ซาก้า ที่กดเต็มข้อไปเสาแรก แต่โรเบิร์ต ซานเชซ นายทวารเชลซียังเซฟได้ยอดเยี่ยม ทางฝั่งเจ้าถิ่นตอบโต้ด้วยลูกยิงไกลของเอ็นโซ่ แฟร์นานเดซ ที่บังคับให้ดาบิด ราย่า ต้องพุ่งปัดออกไป เกมจึงกลายเป็นการแลกหมัดกันแบบไม่มีใครยอมถอย
ความเข้มข้นในสนามทำให้ใบเหลืองเริ่มออกจากกระเป๋ากรรมการอย่างต่อเนื่อง ทั้งสองทีมต่างพยายามใช้ความแข็งแกร่งบดบี้คู่แข่ง ทุกการแท็คเกิลเต็มไปด้วยอารมณ์และเสียงเชียร์กดดันจากอัฒจันทร์ จนบรรยากาศในสนามเริ่มตึงเครียดทีละน้อย ก่อนที่จุดเปลี่ยนสำคัญของเกมจะมาถึงในนาทีที่ 38
โมอิเซส ไกเซโด้ มิดฟิลด์ตัวรับของเชลซี เข้าปะทะเมริโน่แบบเปิดปุ่มใส่ข้อเท้าอย่างน่าเสียวไส้ ในจังหวะแรกกรรมการชักใบเหลืองให้เท่านั้น แต่หลังจากได้รับสัญญาณจาก VAR และเดินไปเช็กภาพข้างสนาม ใบเหลืองก็ถูกอัปเกรดเป็นใบแดงทันที ทำให้เชลซีเหลือผู้เล่นเพียง 10 คน และกลายเป็นใบแดงใบที่ 6 ของสโมสรในทุกรายการฤดูกาลนี้ ปลุกเสียงโห่จากแฟนบอลเจ้าถิ่นและอารมณ์เดือดในสนามให้ทวีความร้อนแรงยิ่งขึ้น
หลังจากนั้นไม่นาน เหตุการณ์ก็ยิ่งปะทุเมื่อปิเอโร่ ฮินกาเป้ มีจังหวะยกศอกใส่ชาโลบาห์ในกรอบเขตโทษ ทำให้ผู้เล่นเชลซีรุมประท้วงเรียกร้องใบแดง แต่คราวนี้กรรมการยืนยันไม่ให้แม้แต่ใบเหลืองเพิ่ม สร้างความไม่พอใจอย่างหนักให้กับฝั่งสิงห์บลู ขณะที่อาร์เซน่อลเกือบลงโทษเจ้าถิ่นก่อนพักครึ่งจากลูกยิงของกาเบรียล มาร์ติเนลลี่ ที่กดด้วยเท้าขวาเต็มแรง แต่ซานเชซยังบินปัดได้อีกครั้ง
แม้อาร์เซน่อลจะถูกยกให้เป็น “จอมลูกนิ่ง” ของลีกในฤดูกาลนี้ หลังทำได้ถึง 10 ประตูจากลูกเซ็ตพีซใน 12 นัด ทว่าเชลซีก็ไม่ยอมน้อยหน้า เพราะสร้างสถิติตามมาแบบติดๆ ด้วยจำนวน 8 ประตูจากลูกตั้งเตะเช่นกัน และสถิตินี้เองที่กลายเป็นอาวุธสำคัญของสิงห์บลูในช่วงต้นครึ่งหลัง
เริ่มครึ่งหลังได้เพียงสามนาที เชลซีได้ลูกเตะมุมทางฝั่งขวา รีซ เจมส์ เปิดบอลด้วยเท้าขวาโค้งเข้าไปที่เสาแรกตามสูตร เทรโวห์ ชาโลบาห์ วิ่งหนีตัวประกบแล้วโฉบโหม่งเช็ดบอลลอยผ่านมือราย่าเสียบเสาสองเข้าไปอย่างสวยงาม เป็นประตูขึ้นนำ 1-0 ของเจ้าถิ่น และเป็นประตูจากลูกตั้งเตะลูกที่ 9 ของเชลซีในลีก ทำเอาแฟนบอลในเดอะ บริดจ์ระเบิดเสียงเฮดังสนั่น พร้อมปลุกความเชื่อว่าทีมของตนอาจคว่ำจ่าฝูงได้แม้จะเหลือผู้เล่นน้อยกว่า
โดนยิงนำทั้งที่ตัวผู้เล่นมากกว่า อาร์เตต้าไม่รอช้า เขาขยับเปลี่ยนเกมทันทีด้วยการส่งมาร์ติน โอเดการ์ด ลงมาคุมจังหวะในแดนกลาง และให้โนนี่ มาดูเอเก้ ลงสนามเผชิญหน้าต่อหน้าแฟนบอลทีมเก่า เสียงโห่ “Chelsea reject” ดังตามทุกครั้งที่แนวรุกเลือดผู้ดีสัมผัสบอล แต่คำวิจารณ์เหล่านั้นกลับกลายเป็นแรงผลักให้จังหวะเกมรุกของอาร์เซน่อลดูมีชีวิตชีวาขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
การเปลี่ยนตัวเริ่มเห็นผลเมื่ออาร์เซน่อลเร่งสปีดบุกกดเชลซีอย่างต่อเนื่อง เกมถูกบีบให้เล่นอยู่หน้าเขตโทษเจ้าถิ่นแทบตลอดเวลา จนกระทั่งในนาทีที่ 59 จังหวะที่กลายเป็นไฮไลต์ของเกมก็มาถึง ซาก้าได้รับบอลทางริมเส้นขวา ก่อนใช้ความคล่องตัวหลบมาร์ก กูกูเรย่า ด้วยลีลาพริ้วไหว ล็อกหนึ่งจังหวะแล้วโยกหลอกอีกครั้งจนแบ็กซ้ายเชลซีเสียหลัก จากนั้นเปิดบอลโค้งเข้าเขตโทษได้อย่างแม่นยำ
เมริโน่ที่ถูกอาร์เตต้าใช้งานในบทบาทกึ่งกองหน้า-กองกลาง สอดจากแนวสองเข้าไปในกรอบหกหลา เทกตัวโหม่งเต็มศีรษะแบบไม่ต้องจับ บอลพุ่งแรงผ่านมือซานเชซเสียบตาข่ายอย่างเด็ดขาด กลายเป็นประตูตีเสมอ 1-1 และยังเป็นประตูที่ 4 ของเขาในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ ยืนยันว่าการขยับให้เขาเล่นในบทบาท “สไตรเกอร์จำเป็น” ของอาร์เตต้านั้นไม่ได้เป็นเพียงแค่การทดลอง แต่คืออาวุธทางแท็คติกที่มีประสิทธิภาพจริง
หลังได้ประตูตีเสมอ อาร์เซน่อลยังคงเดินหน้าไล่บดหวังคว้าชัยชนะให้ได้ ซาก้ากับเมริโน่สลับกันหาจังหวะยิง โดยเฉพาะลูกยิงเรียดเสาไกลของซาก้า และลูกโฉบยิงจ่อๆ ของเมริโน่ ที่ซานเชซยังโชว์ซูเปอร์เซฟปฏิเสธได้ทั้งหมด ทำให้เชลซียังมีลมหายใจและพยายามดึงจังหวะเล่นให้ช้าลงเพื่อรักษาหนึ่งแต้มอันล้ำค่า
ช่วงท้ายเกมกลายเป็นการต่อสู้ทางสภาพร่างกายและจิตใจอย่างแท้จริง เชลซีที่เหลือเพียง 10 คนต้องวิ่งไล่บีบพื้นที่อย่างไม่หยุดพัก ขณะที่อาร์เซน่อลก็เริ่มแสดงอาการล้าหลังผ่านสัปดาห์สุดโหดที่เพิ่งเล่นกับบาเยิร์น มิวนิคมาไม่กี่วันก่อน แม้จะมีจังหวะครอสอันตรายและลูกยิงไกลให้ได้ลุ้นประปราย แต่สุดท้ายก็ไม่มีฝ่ายไหนหาประตูชัยเพิ่มได้ เมื่อเสียงนกหวีดสุดท้ายดังขึ้น ทั้งสองทีมต้องแบ่งแต้มกันไปแบบสุดระทึก
หลังจบเกม เอ็นโซ่ มาเรสก้า ให้สัมภาษณ์ด้วยน้ำเสียงภูมิใจในลูกทีม แม้จะเสียดายที่หลุดชัยชนะเล็กน้อย “ผมคิดว่าเราพิสูจน์แล้วว่าเรากำลังเดินมาถูกทาง 11 คน vs 11 คน เราเล่นได้ดีกว่าอย่างชัดเจน แต่เมื่อเหลือ 10 คน เกมมันยากมาก ทว่าลูกทีมของผมก็รับมือได้อย่างยอดเยี่ยม” เขากล่าว พร้อมย้ำว่า เชลซีชุดนี้ยังมีสิ่งให้พัฒนามากมายแต่โครงสร้างโดยรวมกำลังแข็งแรงขึ้นเรื่อยๆ
ด้านมิเกล อาร์เตต้า มองเกมนี้ในเชิงบวกเช่นกัน แม้จะรู้สึกว่าทีมมีโอกาสได้มากกว่าหนึ่งแต้ม “ทั้งสองทีมเล่นด้วยความเข้มข้นและดุดันในทุกจังหวะแท็คเกิล คุณแทบจะสัมผัสได้ถึงไฟในสนาม เราทำประตูได้อย่างยอดเยี่ยม และมีโอกาสใหญ่ๆ อีกสองสามครั้ง มันเป็นสัปดาห์ที่หนักทั้งเรื่องสภาพร่างกายและอารมณ์ของทุกคน” กุนซือชาวสเปนกล่าว
ในเชิงอันดับตารางคะแนน อาร์เซน่อลยังคงถูกมองเป็นตัวเต็งแชมป์พรีเมียร์ลีกสมัยแรกนับตั้งแต่ปี 2004 แต่ผลเสมอในเกมนี้ทำให้ความกดดันเริ่มขยับเข้าใกล้มากขึ้น แมนเชสเตอร์ ซิตี้ อยู่ห่างแค่ 5 แต้ม ขณะที่เชลซีก็ตามมาในระยะ 6 แต้ม และแสดงให้เห็นแล้วว่าพวกเขาพร้อมจะเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวในระยะยาว ไม่ใช่เพียง “ทีมดาวรุ่งกำลังสร้าง” ตามที่เมเนเจอร์พยายามลดความคาดหวังเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม จากมุมมองของแฟนอาร์เซน่อล แม้จะเสียดายที่ไม่สามารถฉวยโอกาสจากการเจอคู่แข่ง 10 คนเพื่อหนีห่างเชลซีได้มากกว่านี้ แต่หนึ่งแต้มในเกมเยือนศัตรูร่วมเมืองที่กำลังมั่นใจ ก็ยังถือว่าเป็นผลการแข่งขันที่ยอมรับได้ โดยเฉพาะเมื่อทีมต้องลงเล่นในโปรแกรมถี่และมีผู้เล่นตัวหลักบาดเจ็บ ขณะเดียวกันแฟนเชลซีก็มีเหตุผลให้พอใจ เพราะทีมสามารถต่อกรกับจ่าฝูงได้อย่างสูสี แถมแทบมีโอกาสเก็บสามแต้มเต็มด้วยซ้ำหากยืนระยะได้ดีกว่าในช่วง 30 นาทีสุดท้าย
ในภาพรวม เกมนี้สะท้อนให้เห็นหลายอย่าง ทั้งความดุดันของเวทีพรีเมียร์ลีก ความสำคัญของวินัยในเกมรับ รวมถึงคุณค่าของผู้เล่นที่ปรับบทบาทได้อย่างยืดหยุ่นอย่างเมริโน่ ซึ่งกลายเป็นฮีโร่ช่วยอาร์เซน่อลกอบกู้แต้มสำคัญออกมาจากสแตมฟอร์ด บริดจ์ และยังทำให้การแข่งขันลุ้นแชมป์ระหว่างสามทีมบนหัวตารางดูเข้มข้นยิ่งขึ้นในช่วงเดือนต่อจากนี้
และสำหรับแฟนบอลที่ไม่ได้อยากเป็นแค่ผู้ชม แต่สนุกกับการวิเคราะห์เกม ดูจังหวะเปลี่ยนโมเมนตัม หรือลองคาดเดาทิศทางตารางคะแนนต่อจากนี้ คุณสามารถเปลี่ยนความอินในทุกแมตช์ให้มีสีสันกว่าเดิม ด้วยการตามลุ้นผลงานของทีมรักควบคู่ไปกับโอกาสทำกำไรบนแพลตฟอร์มสายลูกหนังอย่าง ufa169 ที่เปิดให้คุณใช้มุมมองแบบเดียวกับผู้วิเคราะห์เกม มาต่อยอดเป็นการตัดสินใจที่ทั้งเร้าใจและมีชั้นเชิงในทุกสัปดาห์ของพรีเมียร์ลีก









