John Barnes วิเคราะห์พิเศษ

John Barnes

John Barnes เอ็กซ์คลูซีฟ: สิ่งที่ลิเวอร์พูลต้องทำเพื่อให้ได้ผลงานที่ดีที่สุดของฟลอเรียน เวิร์ตซ์

John Barnes วิเคราะห์พิเศษ ลิเวอร์พูลต้องทำอย่างไรเพื่อดึงศักยภาพสูงสุดจาก ฟลอเรียน เวิร์ตซ์ การย้ายมาร่วมทีมลิเวอร์พูลของ ฟลอเรียน เวิร์ตซ์ ด้วยค่าตัวสูงถึง 116 ล้านปอนด์ ถูกมองว่าเป็นหนึ่งในดีลใหญ่ที่สุดของพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ และเป็นสัญลักษณ์ของการลงทุนเพื่ออนาคตของสโมสรภายใต้ยุคของ อาร์เน่ สลอต ทว่าในความเป็นจริง สิ่งที่เกิดขึ้นกลับตรงกันข้ามอย่างชัดเจน เพราะมิดฟิลด์วัย 22 ปีรายนี้ยังไม่สามารถสร้างอิมแพ็กได้มากเท่าที่คาดหวังไว้

ด้วยสถิติ

  • 11 เกมพรีเมียร์ลีก
  • 693 นาที
  • 0 ประตู
  • 0 แอสซิสต์

นี่เป็นตัวเลขที่ไม่มีใครคาดคิด เพราะเวิร์ตซ์คือหนึ่งในเพลย์เมกเกอร์ที่โดดเด่นที่สุดในบุนเดสลีกา มีทั้งการจ่ายบอลเฉียบคม ไอเดียสร้างสรรค์ และการเคลื่อนที่เพื่อหาพื้นที่อย่างยอดเยี่ยม

สถานการณ์ดังกล่าวจึงนำไปสู่บทวิเคราะห์จาก จอห์น บาร์นส์ ตำนานลิเวอร์พูล ที่อธิบายอย่างลึกซึ้งว่าทำไมเวิร์ตซ์ยังปรับตัวไม่ได้ และลิเวอร์พูลต้องทำอย่างไรเพื่อดึงศักยภาพที่แท้จริงของดาวเตะเยอรมันรายนี้ออกมา

เวิร์ตซ์กำลังเจอปัญหาอะไร? มุมมองจาก จอห์น บาร์นส์

บาร์นส์ชี้ว่าปัญหาไม่ได้อยู่ที่ตัวนักเตะ แต่เป็น ระบบและแท็กติกของทีม ที่ยังไม่สอดคล้องกับสไตล์การเล่นของเวิร์ตซ์

เขากล่าวว่า:

“ระบบปัจจุบันของลิเวอร์พูลทำให้เวิร์ตซ์ต้องรับภาระมากเกินไป โดยเฉพาะเมื่อฟูลแบ็กดันสูงทั้งสองฝั่ง แต่ไม่มีมิดฟิลด์ตัวรับคอยซัพพอร์ตแบบยุคที่ลิเวอร์พูลมี เฮนเดอร์สัน, มิลเนอร์ และฟาบินโญ่”

คำพูดนี้สะท้อนว่า

  • ในยุคคล็อปป์ มิดฟิลด์ 3 คนแข็งแกร่งในเกมรับ
  • ทำให้ฟูลแบ็กอย่างเทรนท์–โรเบิร์ตสัน ดันสูงได้โดยไม่โดนสวนจนเสียสมดุล
  • แต่ปัจจุบัน เมื่อเวิร์ตซ์ลงในสามมิดฟิลด์ เขาต้องวิ่งถอยลึกบ่อย ซึ่งไม่ใช่จุดเด่นของเขา

บาร์นส์ชี้ชัดว่า

เวิร์ตซ์ไม่เหมาะกับระบบที่ต้องรับผิดชอบเกมรับในแดนกลางมากเกินไป

หน้าที่ของเขาควรเป็น “ตัวสร้างสรรค์เกม” ไม่ใช่ “ตัวไล่บอลและตัดเกม”

สลอตให้ “อิสระในเกมรุก” แต่ยังไม่ลงตัว

แม้บาร์นส์จะชี้ว่าระบบทำให้เวิร์ตซ์ลำบาก แต่ก็ยืนยันว่า สลอตพยายามปรับแท็กติกเพื่อให้นักเตะเล่นง่ายขึ้น

“สลอตให้เวิร์ตซ์เล่นในตำแหน่งสูงขึ้น เหมือนเป็นตัวรุกที่ยืนหน้า 3 แต่มี 3 มิดฟิลด์คอยหนุนหลัง เพื่อเปิดพื้นที่ให้เขาสร้างสรรค์เกมเต็มที่”

นี่คือสาเหตุที่ในยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก เวิร์ตซ์เล่นดีขึ้น เพราะยืนสูงกว่า ไม่ต้องรับผิดชอบในเกมรับมากเกินไป

อย่างไรก็ตาม ปัญหาอีกอย่างคือ

ระบบการขึ้นเกมของลิเวอร์พูลยังไม่เป็นธรรมชาติ

โดยเฉพาะตำแหน่งฟูลแบ็กอย่าง มิโลช เคียร์เคซ ที่เติมเกมสูงมากจนทำให้เวิร์ตซ์ต้องถอยลงต่ำและเสียสมดุล

บาร์นส์เตือนว่า

  • หากฟูลแบ็กเติมสูง
  • มิดฟิลด์สร้างสรรค์อย่างเวิร์ตซ์จะถูกบีบให้ทำงานหนักเกินความจำเป็น
  • และส่งผลให้การตัดสินใจในเกมรุกช้าลง

เวิร์ตซ์เหมาะจะยืนตรงไหนในระบบของลิเวอร์พูล?

บาร์นส์มองว่าเวิร์ตซ์จะเล่นได้ดีที่สุดเมื่อยืนในตำแหน่ง

“หนึ่งในสามมิดฟิลด์ตัวบนที่ไม่ต้องรับผิดชอบเกมรับมากเกินไป”

หรือ

“ยืนสูงในตำแหน่งหน้าซ้ายหรือหน้าขวาในระบบ front three”

เขาอธิบายว่า

“ตำแหน่งที่เหมาะกับเวิร์ตซ์ในระบบนี้ขึ้นอยู่กับมิดฟิลด์สามคนของลิเวอร์พูล หากทีมมีมิดฟิลด์เชิงรับที่แข็งแรง เวิร์ตซ์ก็สามารถเล่นเป็นมิดฟิลด์ตัวบนได้ แต่ถ้าฟูลแบ็กเติมสูงมาก เขาควรเล่นหน้า 3 เพราะเป็นพื้นที่ที่ปลอดภัยกว่า”

ทำไมลิเวอร์พูลต้องปรับ? เพราะค่าตัว 116 ล้านทำให้ความกดดันสูงขึ้นสองเท่า

เมื่อทีมทุ่มเงินระดับเกิน 100 ล้านปอนด์ ความคาดหวังย่อมสูงขึ้นเป็นเงาตามตัว

แต่จนถึงตอนนี้:

  • ลิเวอร์พูลแพ้ไปแล้ว 6 เกมจาก 12 เกมแรก
  • ฟอร์มป้องกันแย่ลง
  • การประสานงานระหว่างมิดฟิลด์ชุดใหม่ยังไม่ลงตัว

บาร์นส์จึงย้ำว่า

ลิเวอร์พูล “ไม่ควรซื้อเพิ่มในมกราคม” เพราะปัญหาอยู่ที่ระบบ ไม่ใช่จำนวนผู้เล่น

เขาชี้ว่า:

“ลิเวอร์พูลเพิ่งเซ็นผู้เล่นใหม่ถึง 5 คน แต่ฟอร์มยิ่งแย่ลง ไม่ใช่เพราะขาดนักเตะ แต่เป็นเพราะระบบยังไม่เข้าที่”

การเปรียบเทียบผลงานของลิเวอร์พูล: ปีที่แล้ว vs ปีนี้

บาร์นส์ยกตัวอย่างว่า

  • ฤดูกาลก่อน ลิเวอร์พูลไม่ได้เสริมนักเตะเลย แต่กลับคว้าแชมป์ 9 แต้ม
  • ฤดูกาลนี้เสริม 5 คน แต่ฟอร์มกลับตกอย่างเห็นได้ชัด

นี่ทำให้เขาย้ำว่า

การเสริมทัพไม่ใช่ทางลัดที่จะทำให้สลอตพาทีมกลับมาอยู่ในฟอร์มที่ดี

แล้วเวิร์ตซ์จะกลับมาระเบิดฟอร์มได้เมื่อไหร่?

หากถามแฟนบอล คำตอบคงเป็น “ยิ่งเร็วเท่าไหร่ยิ่งดี”

แต่ในความเป็นจริง เวิร์ตซ์อาจต้องการ

  • เวลาในการปรับตัวกับสปีดเกมพรีเมียร์ลีก
  • ระบบที่เหมาะกับตำแหน่งของเขา
  • ความมั่นใจจากการได้บทบาทในเกมรุกเต็มรูปแบบ
  • มิดฟิลด์เบื้องหลังที่สมดุลมากกว่านี้

จุดเด่นของเวิร์ตซ์คือ

  • การหาช่อง
  • ความคิดสร้างสรรค์
  • การจ่ายบอลในพื้นที่แคบ
  • ความคล่องตัว
  • การเล่นระหว่างเส้น

จุดเด่นเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้น หากเขาต้องถอยลงมาตัดเกมหรือวิ่งไล่บอลตลอดเวลา

การปรับระบบของลิเวอร์พูล: ทางรอดหรือทางเลือกเดียว?

มีสองทางหลักที่สลอตสามารถเลือกได้เพื่อดึงศักยภาพเวิร์ตซ์กลับคืนมา

ทางเลือกที่ 1: ลดบทบาทฟูลแบ็กเติมสูง

  • ให้ฟูลแบ็กดันน้อยลง
  • รักษาสมดุลแดนกลาง
  • เปิดพื้นที่ให้เวิร์ตซ์สร้างสรรค์เกมได้เต็มที่

ทางเลือกที่ 2: ให้เวิร์ตซ์เล่นในพื้นที่สูง โดยมีมิดฟิลด์เชิงรับรองพื้นที่ให้

  • ให้ กราเวนเบิร์ช และ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ ช่วยคุมจังหวะ
  • ปล่อยเวิร์ตซ์ให้โฟกัสกับเกมรุกโดยไม่ต้องลงมาลึกมาก

บทบาทของเวิร์ตซ์ในยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก: ทำไมถึงดีกว่าในพรีเมียร์ลีก?

คำตอบง่ายมาก:

เขาเล่นสูงกว่า และไม่ต้องรับผิดชอบเกมรับมาก

ในเกมกับเรอัล มาดริด เวิร์ตซ์ยืนเป็นหนึ่งใน front three ซึ่งทำให้เขาเป็นตัวเชื่อมเกมสุดท้าย ไม่ใช่ตัววิ่งประคองแผงมิดฟิลด์

ประเด็นนี้ยิ่งสะท้อนว่า

ตำแหน่งคือกุญแจสำคัญ

สรุป: เวิร์ตซ์ยังคงเป็น “เพลย์เมกเกอร์ระดับยุโรป” ที่ต้องการระบบที่เหมาะสม

แม้การเริ่มต้นกับลิเวอร์พูลจะไม่ง่าย แต่เวิร์ตซ์ยังเป็นนักเตะที่มีคุณภาพสูงระดับท็อป และบาร์นส์เชื่อว่า

หากสลอตปรับระบบให้เหมาะสม ศักยภาพของเวิร์ตซ์จะกลับมาอย่างไม่ต้องสงสัย

หากคุณต้องการติดตามข้อมูลฟุตบอล วิเคราะห์เกม และอัปเดตดีลใหญ่แบบมืออาชีพ ควรเลือกเว็บที่ให้ข้อมูลครบทุกมิติแบบเรียลไทม์ ซึ่งหาได้ง่ายในเครือแบรนด์อย่าง ufabet และถ้าต้องการช่องทางที่มั่นคง โปร่งใส และใช้งานง่าย การเลือกใช้บริการผ่าน ufabet เว็บตรง จะยิ่งทำให้การเชียร์บอลและติดตามข่าวลูกหนังมีรสชาติยิ่งขึ้น