แมนยูเดือดบอร์นมัธ 4-4 “จังหวะจับคอ” ที่คนดูทั้งสนามถามพร้อมกันว่า ทำไมไม่เป็นใบแดง ufa365
เกมเสมอสุดบ้าคลั่ง 4-4 ระหว่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กับบอร์นมัธที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด ไม่ได้มีแค่ดราม่าจากการยิงประตูแบบแลกกันทั้งเกม แต่ยังมี “เหตุปะทะเดือด” ที่ทำให้ความร้อนแรงในสนามพุ่งถึงจุดเดือด เมื่อ อองตวน เซเมนโย แนวรุกบอร์นมัธ มีจังหวะเผชิญหน้ากับ ดิโอโก้ ดาโลต์ แบ็กขวาของยูไนเต็ด จนเกิดการชุลมุนเป็นวงใหญ่ และแฟนบอลจำนวนมากสงสัยทันทีว่า “นี่มันควรเป็นใบแดงหรือเปล่า?”
ท่ามกลางเสียงโห่ เสียงเถียง และภาพรีเพลย์ที่ถูกเปิดซ้ำหลายครั้งบนโลกออนไลน์ แกรี เนวิลล์ อดีตกัปตันแมนฯ ยูไนเต็ด ที่ทำหน้าที่คอมเมนเตเตอร์ในเกม ออกความเห็นแบบทันควันว่า VAR และผู้ตัดสินทำ “ถูกต้องแล้ว” ที่ไม่ไล่เซเมนโยออกจากสนาม แม้เจ้าตัวจะ “เสี่ยงมาก” กับการทำแบบนั้นก็ตาม
จังหวะเกิดเหตุ เริ่มจากบอลกลางอากาศ แล้วลงเอยที่การปะทะที่คุมอารมณ์แทบไม่อยู่
เหตุการณ์เกิดขึ้นไม่นานหลังจากบอร์นมัธตีเสมอจากเซเมนโยได้สำเร็จ เกมกำลังเดือด ทั้งสองทีมเล่นด้วยอารมณ์สูง มีการปะทะกันแทบทุกจังหวะ โดยจุดเริ่มมาจากการแย่งลูกกลางอากาศระหว่างดาโลต์กับเซเมนโย ซึ่งทำให้ดาวเตะบอร์นมัธร่วงลงพื้น
จากนั้นเซเมนโยลุกขึ้นมาและเข้าไปเผชิญหน้ากับดาโลต์แบบตัวต่อตัว ภาพที่ทำให้ทุกคนจับตาคือ “มือของเซเมนโย” ที่ดูเหมือนจะไปโดนบริเวณลำคอหรือช่วงคอ-หน้าอกของดาโลต์ ทำให้ผู้เล่นรอบข้างกรูกันเข้ามา เกิดการปะทะเป็นกลุ่มใหญ่ ผู้ตัดสิน ไซมอน ฮูเปอร์ ต้องรีบเข้ามาแยกทันทีเพื่อไม่ให้บานปลาย
สุดท้าย ฮูเปอร์แจกใบเหลืองให้ทั้งดาโลต์และเซเมนโย และเกมก็เดินต่อไป แต่คำถามเรื่อง “ทำไมไม่แดง?” ไม่ได้จบลงตรงนั้น มันเพิ่งเริ่มต้นต่างหาก
ทำไมแฟนบอลถึงคิดว่า “ควรแดง” และความต่างระหว่าง “จับคอ” กับ “ทำร้ายร่างกาย”
ในพรีเมียร์ลีก จังหวะที่มือไปบริเวณคอหรือใบหน้า มักถูกมองว่าอันตรายและมีโอกาสเป็น “พฤติกรรมรุนแรง” (violent conduct) ซึ่งตามหลักแล้วสามารถเป็นใบแดงได้ โดยเฉพาะถ้ามีลักษณะ “ฟาด” “ตบ” “ผลักแรง” หรือ “บีบคอ” แบบชัดเจน
แต่สิ่งที่ทำให้กรณีนี้เป็นประเด็นถกเถียง คือภาพรีเพลย์มันก้ำกึ่งมาก บางมุมดูคล้ายโดนคอ บางมุมดูเหมือนโดนช่วงไหล่-หน้าอก และที่สำคัญคือ “แรงปะทะจริง” ว่ารุนแรงแค่ไหน นี่คือจุดที่กรรมการและ VAR ต้องตัดสินใจจากหลักฐานที่มี ไม่ใช่จากอารมณ์ของเกมหรือเสียงในสนาม
แฟนบอลจำนวนหนึ่งมองว่า แค่ “ยื่นมือไปที่คอ” ก็ต้องแดง เพราะเป็นพฤติกรรมที่ไม่ควรเกิดในสนามฟุตบอล แต่ในมุมของผู้ตัดสิน มันต้องตอบให้ได้ว่าเป็น “การกระทำรุนแรงชัดเจน” หรือไม่ และมี “ความตั้งใจทำร้าย” หรือ “ใช้กำลังเกินเหตุ” แค่ไหน
คำตัดสินของแกรี เนวิลล์ “เสี่ยงมาก แต่สองใบเหลืองคือคำตอบที่ถูก”
เนวิลล์อธิบายระหว่างคอมเมนต์เกมว่า จังหวะนี้ดูเหมือนเซเมนโย “เสี่ยงมหาศาล” เพราะหากมือไปโดนหน้า/คอแบบชัดและมีการปะทะแรงกว่านี้ โอกาสโดนแดงแทบจะหนีไม่พ้น
เขามองว่า เซเมนโยอาจ “หัวร้อน” เพราะดาโลต์มีจังหวะเบียดหรือชนตอนอยู่กลางอากาศ ซึ่งในภาษาแฟนบอลเรียกได้ว่า “แอบน่าเกลียดนิด ๆ” (naughty) คือทำให้คู่แข่งเสียจังหวะและร่วงลงพื้น แต่ก็ยังเป็นการปะทะในเกมที่เกิดขึ้นได้
อย่างไรก็ตาม เนวิลล์ชี้ว่าช่วงที่เซเมนโยเอามือไปบริเวณคอ ดัน “ดึงกลับ” ทัน ไม่ได้ทำแรงจนเข้าข่ายทำร้ายร่างกายชัดเจน จึงทำให้ใบเหลืองทั้งคู่เป็นทางออกที่เหมาะสม: ลงโทษพฤติกรรมปะทะและการปะทุอารมณ์ แต่ไม่ถึงขั้นไล่ออก
ถอดความง่าย ๆ ตามมุมเนวิลล์คือ
- ดาโลต์มีจังหวะเบียดที่ทำให้คู่แข่งหัวเสีย
- เซเมนโยตอบโต้แบบเสี่ยง แต่หยุดมือก่อนจะหนัก
- จึงจบที่ “เตือนแรง” ด้วยใบเหลืองทั้งสองฝ่าย
VAR ทำงานยังไงในเหตุปะทะแบบนี้ ทำไมไม่สั่งกรรมการไปดูจอ
หลายคนมักเข้าใจว่า VAR สามารถ “กลับคำตัดสิน” ได้ทุกอย่าง แต่จริง ๆ แล้ว VAR จะเข้าแทรกแซงเฉพาะกรณีสำคัญระดับ “ใบแดงโดยตรง” (straight red) หรือความผิดพลาดชัดเจนเท่านั้น
ถ้าผู้ตัดสินในสนามมองว่าเป็นแค่ใบเหลือง และ VAR ตรวจแล้วเห็นว่า “ไม่ชัดพอ” หรือ “ไม่ถึงระดับใบแดงโดยตรง” VAR มักปล่อยให้การตัดสินเดิมเดินต่อ เพื่อรักษาหลักการสำคัญของ VAR คือ “แก้ความผิดพลาดแบบชัดเจน” ไม่ใช่ “ตัดสินแทนกรรมการในสนามทุกจังหวะ”
กรณีนี้จึงอยู่ตรงกลางระหว่าง 2 โลก:
- มุมคนดูบางคนเห็นว่า “โดนคอ = แดง”
- แต่มุมผู้ตัดสินต้องดูองค์ประกอบครบว่า “รุนแรงพอไหม” “ชัดพอไหม” “เป็นการใช้กำลังเกินเหตุไหม”
และเมื่อมันไม่ชัดแบบขาวดำ การปล่อยให้ใบเหลืองเป็นคำตอบจึงเกิดขึ้นบ่อยในเกมระดับสูง
“เหตุชุลมุนในสนาม” กรรมการจัดการอะไรบ้าง นอกจากแจกใบ
ผู้ตัดสินไม่ได้แค่หยิบใบขึ้นมาแล้วจบ หน้าที่สำคัญคือ “ดับไฟ” ไม่ให้ลาม โดยเฉพาะเกมที่อารมณ์เดือดตั้งแต่สกอร์ไล่บี้กันแบบ4ต่อ4 นักเตะพร้อมปะทุได้ทุกวินาที
ในเหตุชุลมุน กรรมการจะต้อง
- แยกผู้เล่นแกนนำออกจากกัน
- ประเมินว่าใครเริ่ม ใครตอบโต้
- สื่อสารให้ชัดว่าหากยังไม่หยุดจะมีโทษเพิ่ม
- คุมเกมให้กลับมาเล่นต่อโดยเร็ว เพื่อไม่ให้เกมแตกและเกิดการเอาคืน
นี่คือเหตุผลที่บางครั้งคุณจะเห็นใบเหลือง “สองฝั่ง” แม้คนดูอยากให้ลงโทษฝ่ายเดียว เพราะในสายตากรรมการ เขาอาจมองว่า “ทั้งสองฝ่ายมีส่วนทำให้เหตุบานปลาย” และการลงโทษคู่ช่วยลดโอกาสที่เกมจะเดือดต่อเนื่อง
ความเดือดไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะเกมนี้ “แรง” ตั้งแต่ต้น และสกอร์ทำให้ทุกอย่างพุ่ง
ต้องยอมรับว่าแมตช์นี้เป็นเกมที่อารมณ์แกว่งสุด ๆ ยูไนเต็ดขึ้นนำ บอร์นมัธตีเสมอ ยูไนเต็ดนำอีก บอร์นมัธกลับมาอีก เหมือนหนังแอ็กชันที่ใส่ฉากไล่ล่าทุก 10 นาที เมื่อเกมไม่มีใครคุมได้ อารมณ์นักเตะก็ยิ่งคุมยากตามไปด้วย
ยูไนเต็ดเริ่มยิงนำจาก อาหมัด ดิยัลโล ก่อนเซเมนโยตีเสมอ แล้วคาเซมิโรโหม่งให้เจ้าบ้านนำต่อ ครึ่งหลังบอร์นมัธยิงแซงจากเอวานิลสันและทาเวอร์เนียร์ ยูไนเต็ดกลับมานำจากบรูโน่และคุนญ่า ก่อนจบที่ครูปี้ตีเสมอ4-4
คุณภาพเกมมันสูง แต่ความ “หงุดหงิด” ก็สูงตาม โดยเฉพาะเมื่อการปะทะเล็ก ๆ กลายเป็นชนวนให้เกิดความรู้สึกว่าอีกฝ่าย “เล่นแรง” หรือ “เล่นน่าเกลียด” ใครสักคนก็พร้อมระเบิดอารมณ์ได้ทันที
มุมของแมนยู ทำไมแฟนถึงยิ่งไม่พอใจ: เพราะแต้มหลุด + เกมรับหลุด ยังต้องลุ้นกับจังหวะดราม่า
ถ้ามองจากสายตาแฟนแมนยู นี่คือคืนที่โคตรเหนื่อย ทีมยิงได้ 4 แต่ก็ยังไม่ชนะ แถมเสียประตูแบบหลุดสมาธิซ้ำ ๆ และเมื่อมีจังหวะปะทะที่ดูเหมือนคู่แข่ง “มือถึงคอ” ความไม่พอใจก็ทวีคูณทันที
มันไม่ใช่แค่ประเด็นใบแดง แต่เป็นอารมณ์รวมของเกม:
- คุณอยากได้ 3 แต้มแต่ได้ 1
- คุณเห็นทีมคุมเกมไม่ได้
- คุณเห็นเหตุชุลมุนและรู้สึกว่า “คู่แข่งรอดโทษหนัก”
นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเรื่องนี้ถึงกลายเป็นประเด็นไวบนโซเชียล และถูกพูดต่อเนื่องหลังเกม แม้ผลสกอร์จะเป็นประเด็นหลักอยู่แล้วก็ตาม
แล้ว “เหตุการณ์โซเชียล” ที่เกี่ยวกับรูเบน อโมริมคืออะไร ทำไมคนยังโยงไปด้วย
ในเกมใหญ่ที่มีดราม่าหลายชั้น เรื่องเล็ก ๆ นอกสนามก็ถูกจับมาต่อจิ๊กซอว์เสมอ ไม่ว่าจะเป็นโพสต์/คอมเมนต์/ปฏิกิริยาหลังเกมของกุนซือหรือคนในทีม (รวมถึงสิ่งที่แฟนบอลตีความว่าเป็น “สัญญาณ” หรือ “การเหน็บแนม”) ซึ่งมักกลายเป็นเชื้อไฟให้การถกเถียงลุกลามไปไกลกว่าจังหวะในสนาม
ประเด็นแบบนี้บางครั้งความจริงอาจเป็นเรื่องเล็กมาก แต่เพราะเกมมันเดือด แฟนบอลก็พร้อมจะตีความทุกอย่างให้เข้ากับอารมณ์ ณ ตอนนั้น ดังนั้นสิ่งสำคัญคือแยก “ข้อเท็จจริงในสนาม” ออกจาก “กระแสความรู้สึกในโซเชียล” ไม่อย่างนั้นเรื่องจะยิ่งบานปลาย
สรุปสุดท้าย เซเมนโยควรโดนแดงไหม คำตอบแบบยุติธรรมคือ “มันขึ้นกับเกณฑ์ที่คุณยึด”
ถ้าคุณยึดหลักว่า “มือไปที่คอ = แดง” แบบเข้มสุด คุณจะบอกว่าเซเมนโยรอดโทษ
แต่ถ้าคุณยึดหลักของ VAR และการตัดสินในสนามว่า ต้องเป็น “พฤติกรรมรุนแรงชัดเจน” เท่านั้นถึงจะไล่ออก คุณจะเข้าใจว่าทำไมมันจบที่ใบเหลือง
และนี่คือเหตุผลที่คำตัดสินแบบนี้ “ไม่มีวันทำให้ทุกคนพอใจ” เพราะฟุตบอลไม่ได้ถูกดูด้วยกฎอย่างเดียว แต่มันถูกดูด้วยอารมณ์ด้วย โดยเฉพาะเกมที่สกอร์เดือดระดับ4-4 และแต้มมีความหมายในตารางทุกสัปดาห์
อย่างไรก็ตาม เนวิลล์สรุปแกนหลักไว้ชัดมาก: เซเมนโย “เสี่ยงมาก” ที่ทำแบบนั้น แต่เมื่อเขา “ดึงกลับ” และความรุนแรง “ไม่ชัดพอ” สองใบเหลืองจึงเป็นคำตอบที่กรรมการเลือก และ VAR ก็ไม่เห็นเหตุผลพอจะกลับคำตัดสินเป็นใบแดงอยากอ่านข่าวแมนยูแบบเข้มข้น ทั้งประเด็น VAR ดราม่าในสนาม และวิเคราะห์หลังเกมแบบละเอียด ติดตามได้ที่ ufa365 เพราะฟุตบอลบางนัดไม่ได้มีแค่ประตู แต่มีเรื่อง ให้พูดถึงไปทั้งสัปดาห์
