โปรแกรม 5 นัด

โปรแกรม 5 นัด

ชัยชนะเหนือเวสต์แฮม กับ โปรแกรม 5 นัด ข้างหน้าที่อาจนิยามฤดูกาลของลิเวอร์พูล

วิเคราะห์ โปรแกรม 5 นัด ข้างหน้า หลังจากเดือนพฤศจิกายนอันโหดร้ายที่ลิเวอร์พูลแพ้รวดให้ทั้งแมนเชสเตอร์ ซิตี้ น็อตติงแฮม ฟอเรสต์ และพีเอสวี ไอนด์โฮเฟน แบบเสียสามประตูทุกนัด ฟอร์มของแชมป์เก่าดูเหมือนกำลังหลุดจากรางอย่างน่ากังวล เสียงวิจารณ์ถาโถมใส่ทีมของอาร์เน่ สลอต ไม่ว่าจะเป็นแท็กติก ความมั่นใจ หรือเคมีในแนวรุก ทว่าชัยชนะ 2-0 เหนือเวสต์แฮม ยูไนเต็ด ที่ลอนดอน สเตเดียม กลับกลายเป็น “จุดพักหายใจ” ที่สำคัญอย่างยิ่ง และอาจเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างโมเมนตัมใหม่ในเดือนธันวาคม

ประตูของอเล็กซานเดอร์ อิซัค และโคดี้ กัคโป ไม่ได้มีค่าแค่สามแต้ม แต่มันพาทีมขยับขึ้นมาอยู่อันดับ 8 และตัดตอนสถิติแพ้สามนัดติดแบบสกอร์ขาดลอยลงได้สำเร็จ ที่สำคัญกว่านั้นก็คือ หลังจบเกมนี้ โปรแกรม 5 นัดข้างหน้าของลิเวอร์พูลถือว่า “เป็นมิตร” กว่าคู่แข่งหลักอย่างแมนเชสเตอร์ ซิตี้ เชลซี และแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในระดับหนึ่ง หากเก็บแต้มได้ตามเป้า หงส์แดงยังมีลุ้นกลับเข้าสู่ท็อปซิกซ์หรือแม้กระทั่งกดดันโซนท็อปโฟร์ได้อีกครั้ง

โปรแกรม 5 นัด ข้างหน้าของลิเวอร์พูล โอกาสสร้างสตรีคใหม่

ลิเวอร์พูลมีคิวลงเล่น 5 นัดถัดไปในพรีเมียร์ลีกดังนี้

  • ซันเดอร์แลนด์ (เหย้า) – พุธที่ 3 ธันวาคม
  • ลีดส์ ยูไนเต็ด (เยือน) – เสาร์ที่ 6 ธันวาคม
  • ไบรท์ตัน (เหย้า) – เสาร์ที่ 13 ธันวาคม
  • ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ (เยือน) – เสาร์ที่ 20 ธันวาคม
  • วูล์ฟส์ (เหย้า) – เสาร์ที่ 27 ธันวาคม

แม้จะไม่ใช่โปรแกรมที่ง่ายทั้งหมด แต่เมื่อเทียบกับแรงกดดันและคู่แข่งที่เคยเจอในเดือนก่อน ถือว่าเป็นช่วงที่ลิเวอร์พูลสามารถตั้งเป้า “เก็บแต้มให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้” เพื่อไล่จี้กลุ่มท็อปซิกซ์ โดยเฉพาะสองเกมแรกกับทีมน้องใหม่อย่างซันเดอร์แลนด์และลีดส์ ซึ่งบนกระดาษแล้วควรเป็นแมตช์ที่หงส์แดงต้องเน้นคว้าชัยแบบไม่ลังเล

ซันเดอร์แลนด์ (เหย้า)  เกมที่ต้องชนะทั้งฟอร์มและความมั่นใจ

การได้เล่นในแอนฟิลด์พบซันเดอร์แลนด์คือโอกาสทองของลิเวอร์พูลที่จะยืนยันว่า ชัยชนะเหนือเวสต์แฮมไม่ใช่เพียง “แฟลชเดียวในความมืด” แต่เป็นสัญญาณการฟื้นตัวจริงๆ เกมนี้แฟนบอลคงคาดหวังให้แนวรุกจบสกอร์คมกว่าเดิมหลังจากก่อนหน้านี้พลาดโอกาสง่ายๆ หลายครั้ง

สำหรับอาร์เน่ สลอต เกมนี้ยังเป็นเวทีให้เขาปรับจูนไลน์อัพต่อไป ทั้งการใช้อิซัคจับคู่กับกัคโป การบริหารนาทีของฟลอเรียน เวิร์ตซ์ รวมถึงการหมุนเวียนแดนกลางเพื่อให้ทีมพร้อมสำหรับช่วงโปรแกรมถี่ปลายเดือน หากลิเวอร์พูลสามารถเก็บสามแต้มแบบไม่ต้องลุ้นจนวินาทีสุดท้าย บรรยากาศรอบสโมสรจะผ่อนคลายลงมาก

ลีดส์ ยูไนเต็ด (เยือน)  การเยือนถิ่นน้องใหม่ที่ประมาทไม่ได้

แม้ลีดส์จะเป็นทีมน้องใหม่ แต่การบุกไปเอลแลนด์ โร้ดไม่เคยเป็นงานง่ายสำหรับใคร เสียงเชียร์อันดุเดือด สไตล์การเล่นบีบพื้นที่เร็ว และพลังงานของผู้เล่นที่มักจะใส่เต็มร้อยเมื่อต้องเจอทีมใหญ่ ทำให้เกมนี้มีความเสี่ยงไม่น้อย หากลิเวอร์พูลเริ่มต้นเกมช้า หรือปล่อยให้คู่แข่งขึ้นนำก่อน

จากมุมมองของตารางคะแนน การเก็บหกแต้มเต็มจากสองเกมกับซันเดอร์แลนด์และลีดส์ คือ “มิชชั่นหลัก” ของสัปดาห์แรกในเดือนธันวาคม เพราะหากพลาดเสมอหรือแพ้ในเกมใดเกมหนึ่ง แรงกดดันจะยิ่งถาโถมกลับมาที่สลอตและลูกทีมทันที ในทางกลับกัน หากคว้าชัยได้ทั้งสองนัด หงส์แดงจะกลับขึ้นไปใกล้โซนท็อปซิกซ์อย่างจริงจัง

ไบรท์ตัน (เหย้า)  งานยากที่สนามตัวเอง

ไบรท์ตันอาจจะฟอร์มแกว่งในการเล่นเป็นทีมเยือน แต่พวกเขาแสดงให้เห็นแล้วว่าสามารถเอาชนะทีมใหญ่อย่างน็อตติงแฮม ฟอเรสต์ในเกมล่าสุด ทำให้การดวลกับลิเวอร์พูลที่แอนฟิลด์ในกลางเดือนธันวาคมนี้กลายเป็นเกมที่น่าจับตา

ไบรท์ตันเป็นทีมที่เล่นบอลกับพื้นดี เซ็ตเกมจากหลังได้อย่างเป็นระบบ และใช้การเคลื่อนที่ของแนวรุกทำร้ายแนวรับที่เสียสมาธิได้ง่าย ลิเวอร์พูลจึงต้องบาลานซ์ให้ดีระหว่างการเดินหน้าบุกเพื่อเอาประตูแรกกับการวางโครงสร้างเกมรับไม่ให้โดนโต้กลับง่ายๆ หากเก็บชัยชนะเหนือทีมสไตล์จัดจ้านแบบนี้ได้ จะยิ่งช่วยตอกย้ำภาพว่า “ลิเวอร์พูลเริ่มกลับมาเป็นทีมที่ควบคุมเกมในบ้านได้อีกครั้ง”

ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ (เยือน)  บททดสอบสำคัญก่อนคริสต์มาส

การบุกไปเยือนสเปอร์สในช่วงก่อนคริสต์มาสคือหนึ่งในโปรแกรมที่โหดที่สุดของชุดนี้ แม้สเปอร์สจะมีปัญหาเรื่องความสม่ำเสมอและฟอร์มในบ้านไม่เปรี้ยงปร้างเหมือนเคย แต่แนวรุกของพวกเขายังเปี่ยมไปด้วยความอันตราย โดยเฉพาะในจังหวะฉาบฉวยและการเล่นเร็วจากแดนกลาง

สำหรับลิเวอร์พูล เกมนี้อาจเป็นแมตช์ชี้ชัดในสายตาแฟนบอลว่าทีมของสลอตพร้อมสำหรับการกลับมายืนในกลุ่มลุ้นพื้นที่ยุโรปจริงๆ หรือยัง หากสามารถเก็บอย่างน้อยหนึ่งแต้ม หรือดีกว่านั้นคือบุกชนะออกมาได้ โมเมนตัมช่วงบ็อกซิงเดย์จะเปิดโล่งอย่างมาก

วูล์ฟส์ (เหย้า)  นัดส่งท้ายปีที่ต้องการสามแต้มเป็นของขวัญ

เกมสุดท้ายในโปรแกรม 5 นัดนี้คือการเปิดบ้านรับมือวูล์ฟส์ ทีมที่ฟอร์มโดยรวมยังแกว่งและต้องลุ้นหนีโซนล่างของตาราง ลิเวอร์พูลเหนือกว่าในแง่คุณภาพผู้เล่นและบรรยากาศในแอนฟิลด์ แต่ก็ห้ามลืมว่า วูล์ฟส์เป็นทีมที่ถ้าปล่อยให้เล่นได้ตามสไตล์ ก็สามารถสร้างปัญหาให้ทีมใหญ่ได้เสมอ

ในมุมของจิตวิทยา หากลิเวอร์พูลสามารถจบเดือนธันวาคมด้วยชัยชนะในบ้าน เกมนี้อาจกลายเป็นเหมือน “จุดเริ่มต้นใหม่” ของครึ่งหลังฤดูกาล ทำให้แฟนบอลมองภาพรวมด้วยความหวังมากกว่าความกังวลอย่างที่เคยเป็นในช่วงต้นซีซั่น

เมื่อเทียบกับเชลซี โปรแกรมที่ไม่ง่ายแต่เต็มไปด้วยกับดัก

เชลซีมีโปรแกรม 5 นัดถัดไปดังนี้

  • ลีดส์ ยูไนเต็ด (เยือน)
  • บอร์นมัธ (เยือน)
  • เอฟเวอร์ตัน (เหย้า)
  • นิวคาสเซิล (เยือน)
  • แอสตัน วิลล่า (เหย้า)

แม้จะดูเหมือนเป็นโปรแกรมที่ไม่ได้โหดจัด แต่นี่คือชุดเกมที่เต็มไปด้วย “กับดัก” โดยเฉพาะแมตช์เยือนลีดส์และบอร์นมัธ ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องความดุดันในบ้านตัวเอง รวมไปถึงเกมเยือนนิวคาสเซิลที่มักจะเป็นสนามทดสอบความแข็งแกร่งของทุกทีม

เมื่อเทียบกับลิเวอร์พูล เชลซีอาจไม่ได้เจอท็อตแนมแบบตรงๆ ในช่วงนี้ แต่การมีเกมเยือนถึงสามนัดในห้าเกมก็ทำให้โอกาสสะดุดมีสูงไม่น้อย หากลิเวอร์พูลทำแต้มหลุดมือแค่หนึ่งหรือสองเกม ขณะที่เชลซีสะดุดมากกว่า ภาพในตารางคะแนนอาจขยับเข้ามาใกล้กันอย่างรวดเร็ว

แมนเชสเตอร์ ซิตี้  โปรแกรมดูไม่ดุ แต่มีความเสี่ยงจากเกมเยือน

ซิตี้ต้องลงเล่นกับ

  • ฟูแล่ม (เยือน)
  • ซันเดอร์แลนด์ (เหย้า)
  • คริสตัล พาเลซ (เยือน)
  • เวสต์แฮม (เหย้า)
  • น็อตติงแฮม ฟอเรสต์ (เยือน)

ในเชิงชื่อชั้นคู่แข่ง โปรแกรมของซิตี้ไม่ได้ดูโหดเกินไป แต่การต้องออกไปเยือนถึงสามเกมในหนึ่งเดือน เป็นอะไรที่ไม่สามารถมองข้ามได้ ฟูแล่ม พาเลซ และฟอเรสต์ ต่างก็เป็นทีมที่เล่นเกมเหย้าได้เหนียวแน่น หากซิตี้เผลอหลุดสมาธิไปแม้แต่นิดเดียว ก็มีสิทธิ์ทำแต้มหล่นได้ในบางแมตช์

สำหรับลิเวอร์พูลที่ “หลุดจากวงลุ้นแชมป์” ไปแล้วตามมุมมองจากสื่ออังกฤษ เป้าหมายหลักอาจไม่ใช่การไล่ทันซิตี้โดยตรง แต่การรักษาระยะห่างให้ไม่โดนทิ้งขาดมากเกินไปก็สำคัญ เพราะมันมีผลทั้งเรื่องความมั่นใจของทีมและทิศทางในฤดูกาลหน้า

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ฟอร์มเริ่มนิ่ง แต่โปรแกรมท้ายปีจะพิสูจน์ของจริง

โปรแกรม 5 นัดของแมนยูคือ

  • เวสต์แฮม (เหย้า)
  • วูล์ฟส์ (เยือน)
  • บอร์นมัธ (เหย้า)
  • แอสตัน วิลล่า (เยือน)
  • นิวคาสเซิล (เหย้า)

การแพ้เพียงหนึ่งเกมจากเจ็ดแมตช์หลังสุดทำให้แมนยูขยับอันดับขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง แต่ชุดโปรแกรมนี้จะเป็นตัววัดว่า “ความคงเส้นคงวา” ของพวกเขาเป็นของจริงแค่ไหน เพราะต้องเจอทีมที่มีสไตล์แตกต่างกันทั้งเกมเหย้าและเยือน

เกมกับเวสต์แฮมและบอร์นมัธในบ้าน อาจเป็นโอกาสเก็บแต้มที่ดี แต่การไปเยือนแอสตัน วิลล่า รวมถึงการเปิดบ้านดวลนิวคาสเซิล ล้วนเป็นแมตช์ที่สามารถออกได้สามหน้า หากแมนยูสะดุดมากกว่าหนึ่งเกม ในขณะที่ลิเวอร์พูลเก็บแต้มได้ตามเป้า ช่องว่างในตารางจะหดลงจนกลับมาลุ้นกันสนุกแน่นอน

ภาพรวม: ลิเวอร์พูลได้เปรียบเล็กน้อย แต่ทุกแต้ม “ต้อง” มาจากความละเอียด

เมื่อมองโปรแกรม 5 นัดของทั้งลิเวอร์พูล เชลซี แมนซิตี้ และแมนยู จะเห็นว่า

  • ซิตี้ยังเป็นทีมที่มีศักยภาพสูงสุด แต่ต้องออกเยือนเยอะ
  • เชลซีมีหลายเกมเยือนที่พร้อมสร้างปัญหา
  • แมนยูต้องเจอคู่แข่งระดับกลางขึ้นไปถึงสามสี่ทีม
  • ลิเวอร์พูลมีบาลานซ์ระหว่างเกมเหย้า–เยือน และเจอทีมน้องใหม่สองนัดรวดในช่วงแรก

ด้วยเหตุนี้ จึงไม่เกินเลยนักหากจะบอกว่า “ลิเวอร์พูลมีโอกาสไล่เก็บแต้มเพื่อเบียดเข้าใกล้ท็อปซิกซ์มากกว่าบางทีมในช่วงคริสต์มาส” แต่จุดชี้ขาดไม่ใช่แค่ตารางแข่งขันที่ดูเป็นใจ แต่อยู่ที่การรักษาฟอร์มให้ต่อเนื่อง การลดความผิดพลาดง่ายๆ ในแนวรับ และการจบสกอร์ให้เฉียบคมยิ่งขึ้น

หากอาร์เน่ สลอตและลูกทีมใช้โปรแกรมช่วงปลายปีนี้เป็นบันไดไต่ขึ้นไป ไม่แน่ว่าจากมุมมองที่เคยมองว่าหลุดจากวงลุ้นแชมป์ไปแล้ว อาจเปลี่ยนเป็นภาพของทีมที่ “กลับมาแข็งแกร่ง” พร้อมท้าทายทุกสโมสรในครึ่งหลังของฤดูกาล

ถ้าคุณชอบนั่งไล่ดูโปรแกรม 5 นัดข้างหน้าของลิเวอร์พูล เทียบฟอร์ม เทียบตาราง และคอยลุ้นว่าแมตช์ไหนจะทำให้ทีมรักกลับมามีลุ้นพื้นที่ยุโรปได้อีกครั้ง
ลองต่อยอดมุมมองคอลูกหนังให้กลายเป็นการลุ้นที่สนุกและมีชั้นเชิงมากขึ้นไปกับ ufa169 เว็บที่ให้คุณตามเกม วิเคราะห์ และอินไปกับทุกแต้มสำคัญของหงส์แดงได้มากกว่าการเป็นแค่ผู้ชมหน้าจอ