เยอรมนี “ไม่มีเวลาทดลอง” ยูเลียน นาเกิลส์มันน์ (Julian Nagelsmann) ตั้งเป้าคว้าชัยรวดสู่บอลโลก
“ตอนนี้ไม่ใช่เวลาทดลองนักเตะ แต่คือเวลาของชัยชนะเท่านั้น” — นี่คือถ้อยคำชัดเจนของ ยูเลียน นาเกิลส์มันน์ (Julian Nagelsmann) กุนซือทีมชาติเยอรมนี ที่ออกมาแถลงข่าวก่อนศึกฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก 2 นัดสุดท้ายของทีมอินทรีเหล็ก ซึ่งจะเป็นตัวตัดสินว่าเยอรมนีจะผ่านเข้าสู่รอบสุดท้ายอัตโนมัติหรือไม่
เยอรมนีเตรียมออกไปเยือน ลักเซมเบิร์ก ในวันศุกร์นี้ และเปิดบ้านรับมือ สโลวาเกีย วันที่ 17 พฤศจิกายน หากเก็บชัยได้ทั้งสองนัด จะการันตีอันดับหนึ่งของกลุ่มเอ พร้อมคว้าสิทธิ์ไปเล่นฟุตบอลโลก 2026 ที่จะจัดขึ้นใน สหรัฐอเมริกา แคนาดา และเม็กซิโก ทันที
นาเกิลส์มันน์กล่าวในงานแถลงข่าวเมื่อวันจันทร์ที่เมืองโวล์ฟสบวร์กว่า
“เราไม่ได้ต้องการทดลองอะไรทั้งนั้น สิ่งสำคัญที่สุดคือชัยชนะในสองเกมนี้ เพื่อคว้า 6 แต้มและปิดภารกิจให้สำเร็จ”
เป้าหมายเดียว: 6 แต้มจาก 2 นัด เพื่อไปฟุตบอลโลก
สถานการณ์ของเยอรมนีในกลุ่มเอถือว่าดีทีเดียว โดยมี 9 คะแนน จาก 4 นัด นำหน้า สโลวาเกีย ทีมอันดับสองที่มีคะแนนเท่ากันแต่ลูกได้เสียเป็นรอง ขณะที่ ไอร์แลนด์เหนือ มี 6 คะแนน และ ลักเซมเบิร์ก ยังไม่มีแต้ม
กุนซือวัย 38 ปีระบุว่า เขาไม่ต้องการให้ทีมพึ่งผลการแข่งขันของทีมอื่น เพราะชะตาทุกอย่างอยู่ในมือของพวกเขาเอง
“เราไม่จำเป็นต้องพึ่งทีมอื่น ทุกอย่างขึ้นอยู่กับฟอร์มของเราเอง จุดเริ่มต้นดีอยู่แล้ว แต่เราต้องทำให้มันสำเร็จจริง ๆ”
นาเกิลส์มันน์กล่าวต่อว่า การเตรียมทีมรอบนี้มุ่งเน้นสมดุลระหว่างเกมรุกและเกมรับ พร้อมยืนยันว่าจะเลือกนักเตะที่สามารถลงเล่นได้สองตำแหน่งในแต่ละจุด เพื่อให้ทีมพร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์ในสนาม
“เราต้องมีความสมดุลในทีม ทุกตำแหน่งควรถูกทดแทนได้สองคน และทุกคนต้องเข้าใจระบบเดียวกันอย่างลึกซึ้ง”
เหตุผลที่ไร้ชื่อ “อันเจโล สติลเลอร์”
หนึ่งในประเด็นที่สื่อเยอรมนีตั้งคำถามคือการที่นาเกิลส์มันน์ไม่เรียกตัว อันเจโล สติลเลอร์ (Angelo Stiller) มิดฟิลด์จากสตุ๊ตการ์ต มาติดทีมชุดนี้ ทั้งที่เจ้าตัวโชว์ฟอร์มเด่นในบุนเดสลีกา
นาเกิลส์มันน์ตอบอย่างตรงไปตรงมา
“ผมได้คุยกับอันเจโลแล้ว เขาอยู่ในเส้นทางที่ดี แต่ในตำแหน่งเบอร์ 6 ตอนนี้ผมเห็นว่า เฟลิกซ์ นเมช่า และ อเล็กซานดาร์ พาฟโลวิช มีความพร้อมมากกว่าในแง่แท็กติกและความต่อเนื่อง”
เขาเสริมว่าประตูทีมชาติยังไม่ปิดสำหรับสติลเลอร์
“ประตูยังเปิดเสมอ เดือนมีนาคมจะมีการเรียกนักเตะชุดใหม่ ถ้าเขารักษาฟอร์มแบบนี้ต่อไป โอกาสจะกลับมาแน่นอน”
อาการบาดเจ็บกับการเปลี่ยนตัวนาทีสุดท้าย
ในวันจันทร์ที่ผ่านมา นาเกิลส์มันน์ต้องเปลี่ยนตัวนักเตะอย่างกะทันหัน หลัง นาดีม อามิรี (Nadiem Amiri) จากไมนซ์มีปัญหากล้ามเนื้อต้นขา ทีมจึงเรียก อัสซาน อูเอดราโอโก้ (Assan Ouedraogo) ดาวรุ่งวัย 19 ปีจากชาลเก้ มาติดทีมชาติชุดใหญ่เป็นครั้งแรก
การเรียกอูเอดราโอโก้ ถือเป็นสัญญาณบวกต่อแนวทาง “ผลักดันดาวรุ่งสู่เวทีใหญ่” ที่นาเกิลส์มันน์ตั้งใจทำมาตั้งแต่วันแรกที่เข้ารับตำแหน่ง เพื่อสร้างทีมที่ยั่งยืนสำหรับอนาคต
บทเรียนจากความพ่ายแพ้ต่อสโลวาเกียในเดือนกันยายน
แม้เยอรมนีจะชนะรวดสามนัดหลังสุด แต่ความพ่ายแพ้ 0–2 ต่อสโลวาเกียในเดือนกันยายนยังคงเป็นรอยแผลในใจของแฟนบอล และนาเกิลส์มันน์เองก็ยอมรับว่า “เราไม่มีสิทธิ์พลาดอีกต่อไป”
“เราไม่สามารถหลุดสมาธิได้อีกแล้ว ผลแพ้ครั้งนั้นคือเครื่องเตือนใจที่ชัดเจน เราดีขึ้นมากแล้ว แต่ภารกิจยังไม่จบจนกว่าเราจะผ่านเข้ารอบจริง”
ภายหลังความพ่ายแพ้นัดนั้น เยอรมนีเอาชนะได้ต่อเนื่องในเกมกับ ไอร์แลนด์เหนือ ลักเซมเบิร์ก และ อันดอร์รา ส่งผลให้กลับขึ้นมานำจ่าฝูงอีกครั้ง
ทีมอินทรีเหล็กยุคใหม่: มุ่งสู่เวทีโลกอย่างมีเป้าหมาย
เป้าหมายของเยอรมนีไม่ใช่แค่การเข้ารอบ แต่คือ “การกลับมาทวงบัลลังก์ฟุตบอลโลก” หลังจากตกรอบแรกติดต่อกันสองสมัยในปี 2018 และ 2022
ทีมของนาเกิลส์มันน์กำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านระหว่างประสบการณ์และพลังหนุ่ม เขาพยายามสร้างทีมที่มีความหลากหลายทางแท็กติก เช่น
- การใช้ระบบ 3-4-2-1 ที่ยืดหยุ่นต่อการเปลี่ยนเกม
- ผลักดันนักเตะดาวรุ่งอย่าง ฟลอเรียน เวิร์ตซ์ และ ยามาล มูเซียลา ให้เป็นตัวหลัก
- ผสมผสานความเก๋าของ มานูเอล นอยเออร์ และ โยชัว คิมมิช เพื่อคงเสถียรภาพในห้องแต่งตัว
นาเกิลส์มันน์กล่าวเสริมว่า
“ฟุตบอลโลกครั้งต่อไปจะเป็นการพิสูจน์ว่าเยอรมนีสามารถกลับไปสู่ระดับสูงสุดได้อีกครั้ง เราต้องมุ่งไปข้างหน้า และเล่นทุกนัดเหมือนเป็นรอบชิง”
คู่แข่งที่รออยู่: ลักเซมเบิร์กและสโลวาเกีย
ในเกมกับลักเซมเบิร์ก เยอรมนีคาดว่าจะครองเกมเหนือกว่าอย่างชัดเจน แต่เกมสุดท้ายกับสโลวาเกียคือจุดตัดสิน โดยเฉพาะหลังจากพ่ายแพ้มาก่อนในเลกแรก
แม้สถิติการพบกันจะเอียงไปทางอินทรีเหล็ก แต่ความมั่นใจของสโลวาเกียกำลังพุ่งสูงหลังชนะมา 2 นัดติด นาเกิลส์มันน์เตือนลูกทีมว่า “ห้ามประมาทแม้แต่นาทีเดียว”
“ฟุตบอลไม่ใช่เกมที่เล่นด้วยชื่อเสียง มันคือเกมของการควบคุมอารมณ์และความเฉียบคม หากเราเริ่มต้นช้าอีกครั้ง เหมือนในเกมที่แล้ว เราอาจต้องชดใช้แพง”
เสียงจากนักเตะ: ฟาน ไดค์? ไม่เกี่ยว เยอรมนีขอพิสูจน์ด้วยตัวเอง
บรรดานักเตะทีมชาติเยอรมนี เช่น โยชัว คิมมิช, อิลคาย กุนโดกัน และ ไค ฮาแวร์ตซ์ ต่างออกมาแสดงความเชื่อมั่นว่า ทีมอยู่ในเส้นทางที่ถูกต้องและพร้อมพิสูจน์ศักยภาพในสนาม
ฮาแวร์ตซ์กล่าวในบทสัมภาษณ์กับ Bild ว่า
“เราต้องแสดงให้เห็นว่าเยอรมนีไม่ได้จางหายไปจากเวทีโลก เราเจ็บปวดมามากพอแล้วในสองทัวร์นาเมนต์ที่ผ่านมา”
ขณะที่กุนโดกันเสริมว่า
“โค้ชนำพลังใหม่มาสู่ทีม ทุกคนเข้าใจแผน และตอนนี้เรามีความเชื่ออีกครั้ง”
ความกดดันและความคาดหวังจากแฟนบอล
แฟนบอลเยอรมนีคาดหวังให้ทีมผ่านเข้ารอบโดยไม่ต้องเพลย์ออฟ เพราะการตกไปเล่นรอบคัดเลือกเพิ่มจะยิ่งเพิ่มแรงกดดันมหาศาล โดยเฉพาะหลังจากความล้มเหลวในยูโร 2024 ที่ทีมเจ้าภาพตกรอบ 8 ทีมสุดท้ายอย่างน่าผิดหวัง
สื่อเยอรมันหลายสำนัก เช่น Kicker และ Der Spiegel ต่างรายงานว่า สมาคมฟุตบอลเยอรมนี (DFB) มองว่าการผ่านเข้ารอบอัตโนมัติคือ “ภารกิจขั้นต่ำ” และความล้มเหลวจะส่งผลโดยตรงต่อแผนระยะยาวของนาเกิลส์มันน์
บทสรุป: เยอรมนีกลับมาพร้อมภารกิจเดียว ชนะเท่านั้น
เยอรมนีในยุคของยูเลียน นาเกิลส์มันน์ คือทีมที่เต็มไปด้วยความกระหายและแรงกดดัน พวกเขาไม่ต้องการแค่การเข้ารอบ แต่ต้องการ “คืนศักดิ์ศรีของชาติแห่งฟุตบอล”
สองเกมสุดท้ายของรอบคัดเลือกจึงไม่ใช่เพียงการแข่งขันธรรมดา แต่คือการประกาศว่าเยอรมนีกลับมาแล้ว — พร้อมล่าความสำเร็จในฟุตบอลโลก 2026
“เราไม่มีเวลาทดลอง ไม่มีข้อแก้ตัว เหลือเพียงอย่างเดียวคือชัยชนะ”
— ยูเลียน นาเกิลส์มันน์ กล่าวปิดท้ายด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
เพิ่มเติม
แฟนบอลที่อยากติดตามผลฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกของทีมชาติเยอรมนีแบบเรียลไทม์ พร้อมลุ้นเดิมพันไปกับความมันระดับโลก เข้าร่วมสนุกได้ที่ UFABET แทงบอล เว็บเดิมพันฟุตบอลออนไลน์ที่ให้ราคาดีที่สุด ครบทุกลีก ทั้งทีมชาติและสโมสร พร้อมบทวิเคราะห์ก่อนเกมและอัตราต่อรองแบบมืออาชีพ สายบอลห้ามพลาด!
