ยืนยันข่าว ทีมน็อตติงแฮม ฟอเรสต์ พบ มัลโม่ ฌอน ไดช์ ตัดสินใจเลือกลงเล่นในยูโรปาลีก
ทีมน็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ภายใต้การคุมทีมของ ฌอน ไดช์ กำลังอยู่ในช่วงที่โมเมนตัมกำลังพุ่งขึ้นเรื่อย ๆ หลังจากโชว์ฟอร์มน่าประทับใจในพรีเมียร์ลีก ล่าสุดกุนซือวัย 54 ปีได้ทำการเลือกทีมสำหรับศึกยูโรปาลีกกับ มัลโม่ ที่ซิตี้ กราวด์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และสิ่งที่เห็นได้ชัดจากรายชื่อ 11 ตัวจริงในเกมนี้คือ “การโรเตชันแบบมีแบบแผน” เพื่อรักษาสมดุลระหว่างการแข่งขันในยุโรปและโปรแกรมสุดโหดในลีก
ฟอเรสต์ตั้งเป้าที่จะคว้าชัยเป็นนัดที่สามติดต่อกันในทุกรายการ หลังจากเพิ่งโชว์ฟอร์มสุดร้อนแรงถล่มลิเวอร์พูลแชมป์เก่าไป 3-0 ในพรีเมียร์ลีกเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา จากเกมนั้นทีมได้รับคำชื่นชมอย่างล้นหลามทั้งในเรื่องแท็กติก ความมุ่งมั่น และคุณภาพของนักเตะหลายคน แต่ในขณะเดียวกันอาการบาดเจ็บก็เริ่มเข้ามาเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ไดช์ต้อง “คิดเยอะ” ในการจัดทีมคืนนี้
ฟอร์มก่อนเกม: ฌอน ไดช์ พลิกภาพลักษณ์ฟอเรสต์ในเวลาไม่นาน
ตั้งแต่ ฌอน ไดช์ เข้ามารับงานต่อจาก อังเก้ ปอสเตโคกลู เมื่อเดือนก่อน เส้นทางของฟอเรสต์เริ่มเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด เขาพาทีมลงเล่น 6 เกม แพ้เพียงนัดเดียว และสามารถคว้าชัยได้ต่อเนื่องทั้งในพรีเมียร์ลีกและบอลยุโรป
ชัยชนะเหนือ ลิเวอร์พูล 3-0 คือหนึ่งในจุดเปลี่ยนสำคัญ มูริโญ่, นิโคโล ซาโวนา และ มอร์แกน กิ๊บส์-ไวท์ ทำคนละประตูในวันที่ซิตี้ กราวด์เดือดพล่าน แฟนบอลเห็นทีมรักของตัวเองไม่ได้แค่ “เอาตัวรอด” ในลีก แต่สามารถท้าทายทีมใหญ่ได้แบบไม่เกรงกลัว
ด้วยโมเมนตัมแบบนี้ เกมกับมัลโม่ในยูโรปาลีกจึงไม่ใช่แค่การลงเล่นตามโปรแกรม แต่เป็นโอกาสในการยืนยันว่า ฟอเรสต์ยุคไดช์พร้อมจะก้าวสู่มาตรฐานใหม่ทั้งในประเทศและในยุโรป
ปัญหาตัวเจ็บยาวเป็นหางว่าว: กิ๊บส์-ไวท์นำทัพลิสต์แข้งที่หายไป
ก่อนประกาศ 11 ตัวจริง ข่าวที่ทำให้แฟนบอลรู้สึกเสียดายคือ มอร์แกน กิ๊บส์-ไวท์ เพลย์เมกเกอร์เบอร์ 10 ของทีม ได้รับอาการบาดเจ็บเล็กน้อยก่อนเกม ไดช์อธิบายว่าเป็น “issue เล็กๆ” แต่เพียงพอจะทำให้เขาต้องหลุดจากรายชื่อในค่ำคืนนี้ และไปเข้าร่วมกับกลุ่ม “รายชื่อผู้เล่นที่หายไป” ซึ่งยาวเป็นหางว่าวอยู่แล้ว
นอกจากกิ๊บส์-ไวท์ ฟอเรสต์ยังไม่มีชื่อของ
- คริส วู้ด
- ดิลาน บัควา
- ดักลาส ลุยซ์
- โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้
- ไตโว อโวนิยี
- แองกัส กันน์
- อารอน บ็อตต์
- โอลา ไอน่า
รายชื่อเหล่านี้บอกได้ชัดว่าไดช์กำลังทำงานในสถานการณ์ที่ไม่ง่ายเลย เขาต้องรักษามาตรฐานของทีม ในขณะเดียวกันก็ต้องปะติดปะต่อทีมจากชิ้นส่วนที่มีอยู่ให้กลายเป็น 11 ตัวจริงที่แข็งแกร่งพอจะคว้าชัยในเกมยุโรป
ฌอน ไดช์เลือกโหมโรเตชัน 7 ตำแหน่ง: ไม่ใช่เสี่ยง แต่คือการวางแผนระยะยาว
จากทีมชุดที่ถล่มลิเวอร์พูล ไดช์เลือกเปลี่ยนผู้เล่นถึง 7 คนในเกมนี้ ซึ่งแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเขามองไกลกว่าผลการแข่งขันเพียงนัดเดียว เขารู้ดีว่าหากใช้ชุดเดิมลงต่อเนื่องทั้งลีกและบอลยุโรป นักเตะตัวหลักอาจล้าเกินไปและเสี่ยงต่อการบาดเจ็บเพิ่ม
ผู้เล่นที่ถูกเปลี่ยนเข้ามาในเกมกับมัลโม่ ได้แก่
- จอห์น วิคเตอร์ (ผู้รักษาประตู)
- โมราโต้
- คัลลัม ฮัดสัน-โอดอย
- อาร์โนด์ กาลิมูเอนโด้
- ไรอัน เยตส์
- เจมส์ แม็คอาที
- แซค แอบบ็อตต์
ส่วนผู้เล่นที่หลุดไปจาก 11 ตัวจริงของเกมลิเวอร์พูลคือ
- มัทซ์ เซลส์
- นิโคโล ซาโวนา
- เนโค วิลเลียมส์
- เอลเลียต แอนเดอร์สัน
- ดาน เอ็นดอย
- มอร์แกน กิ๊บส์-ไวท์
- อิกอร์ เชซุส
การเปลี่ยนถึง 7 ตำแหน่งอาจฟังดูเยอะ แต่เมื่อมองเงื่อนไขต่าง ๆ ทั้งเรื่องความฟิต ปัญหาตัวเจ็บ และความต้องการให้โอกาสผู้เล่นบางคน ได้ลงมาสร้างจังหวะและความมั่นใจในเกมยุโรป ก็ถือเป็นการตัดสินใจที่มีน้ำหนักและอยู่ในกรอบความคิด “ทั้งฤดูกาล” ไม่ใช่แค่ “คืนนี้”
โครงสร้างทีม: แนวรับใหม่ผสมเก่าที่ดูน่าสนใจ
จากรายชื่ออย่างเป็นทางการ ฟอเรสต์จะลงเล่นด้วยแผงหลัง 4 คนยืนขนาบหน้าผู้รักษาประตูอย่างชัดเจน โดยมี
- จอห์น วิคเตอร์ เฝ้าเสา
- แซค แอบบ็อตต์ และ โมราโต้ ยืนเป็นฟูลแบ็กทั้งสองฝั่ง
- นิโคล่า มิลเลนโควิช และ มูริโญ่ ยืนเป็นคู่เซนเตอร์แบ็กตัวหลัก
การเลือกใช้แอบบ็อตต์กับโมราโต้ทางริมเส้นทำให้แนวรับมีส่วนผสมของ “พลังหนุ่ม” และ “การยืนตำแหน่งแบบเน้นวินัย” ขณะที่มิลเลนโควิชและมูริโญ่เป็นคู่เซนเตอร์ที่มีทั้งความแข็งแกร่งด้านร่างกายและการอ่านเกม
การให้จอห์น วิคเตอร์ ลงแทนเซลส์ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกในมุมมองแท็กติก เพราะยูโรปาลีกสามารถใช้เป็นเวทีให้ผู้รักษาประตูสำรองได้พิสูจน์ตัวเอง และช่วยแบ่งภาระจากมือหนึ่งที่ต้องเล่นเกมลีกอย่างต่อเนื่อง
แดนกลาง: เยตส์ + ซ็องกาเร่ = พลังงาน + ความแข็งแรง
คู่มิดฟิลด์ตัวกลางในเกมนี้คือ ไรอัน เยตส์ และ อิบราฮิม ซ็องกาเร่ ซึ่งเป็นคู่ที่ผสมผสานความดุดันกับการตัดเกมได้ดี
เยตส์คือคนที่แฟนฟอเรสต์รู้ดีว่า “วิ่งไม่มีหมด” เป็นผู้นำเชิงสปิริตในสนาม ไล่บี้คู่แข่งไม่หยุด ช่วยพาบอลจากแดนตัวเองขึ้นไปสู่แดนคู่แข่งบ่อยครั้ง
ซ็องกาเร่เป็นเหมือนเสาหลักกลางสนาม ทั้งรูปร่างที่แข็งแกร่ง การชนปะทะที่ไม่กลัวใคร และการอ่านเกมที่ช่วยตัดบอลอันตรายก่อนถึงแนวรับ
สองคนนี้หากประสานงานกันลงตัว จะทำให้ฟอเรสต์มีแดนกลางที่ “ไม่ง่ายเลย” สำหรับมัลโม่ที่จะครองเกมหรือเจาะผ่านช่องว่างได้ตามสะดวก
แนวรุก 3 ตัวด้านหลังหน้าเป้า: ความหลากหลายเชิงเทคนิค
ในตำแหน่งสามตัวรุกด้านหลังหน้าเป้า ฟอเรสต์เลือกใช้
- คัลลัม ฮัดสัน-โอดอย ทางริมเส้น
- เจมส์ แม็คอาที ในบทบาทหมายเลข 10
- นิโกลัส โดมิงเกซ ยืนกว้างฝั่งตรงข้าม
ฮัดสัน-โอดอย เป็นนักเตะที่มีประสบการณ์ในเวทีใหญ่ เล่นทั้งในพรีเมียร์ลีกและบอลยุโรปมาแล้วมากมาย การได้เขากลับมาเป็นตัวจริงทำให้เกมริมเส้นฝั่งหนึ่งมีทั้งความเร็ว เทคนิค และประสบการณ์
แม็คอาที ได้รับบทบาทสำคัญในการทดแทนการหายไปของกิ๊บส์-ไวท์ เขาคือคนที่ต้องคอยรับบอลระหว่างไลน์คู่แข่ง หมุนตัวสร้างสรรค์เกม และส่งบอลไปยังปีกหรือหน้าเป้าอย่างเฉียบคม
ส่วนโดมิงเกซ แม้ตามธรรมชาติจะเป็นมิดฟิลด์ตัวกลาง แต่การได้โยกออกมายืนริมเส้น ทำให้ฟอเรสต์มีตัวเชื่อมเกมที่สามารถหุบเข้าตรงกลาง สลับตำแหน่งกับแม็คอาที และช่วยคุมจังหวะเกมบุกได้ดียิ่งขึ้น
หน้าเป้า: กาลิมูเอนโด้ โอกาสทองในเกมยุโรป
ตำแหน่งศูนย์หน้าตัวเป้าเป็นของ อาร์โนด์ กาลิมูเอนโด้ ที่ปกติแล้วมักได้รับโอกาสสลับกับ อิกอร์ เชซุส หรือถูกใช้เป็นตัวสำรองในเกมลีก การได้ออกสตาร์ตในยูโรปาลีกจึงเป็นโอกาสทองของเขาที่จะพิสูจน์ว่าตัวเองคู่ควรกับโอกาสมากขึ้น
กาลิมูเอนโด้มีจุดแข็งด้านการเคลื่อนที่อิสระ การฉีกไลน์เซนเตอร์คู่แข่ง และการจบสกอร์ในกรอบเขตโทษ หากตัวรุกด้านหลังอย่างฮัดสัน-โอดอยหรือแม็คอาทีสามารถป้อนบอลให้เขาได้อย่างต่อเนื่อง กองหน้ารายนี้มีโอกาสสูงมากที่จะมีชื่อบนสกอร์บอร์ด
ม้านั่งสำรอง: ตัวเลือกพร้อมเปลี่ยนเกม
แม้จะมีปัญหาตัวเจ็บเยอะ แต่รายชื่อสำรองของฟอเรสต์ในเกมนี้ยังเต็มไปด้วยตัวเลือกที่น่าสนใจ ได้แก่
- มัทซ์ เซลส์
- คีฮาน วิลโลวส์
- เนโค วิลเลียมส์
- เอลเลียต แอนเดอร์สัน
- ดาน เอ็นดอย
- อิกอร์ เชซุส
- วิลลี่ โบลี่
- นิโคโล ซาโวนา
- อาร์ชี ไวท์ฮอลล์
- คาลัม ทอมป์สัน
- จิมมี่ ซินแคลร์
หากเกมต้องการความเปลี่ยนแปลงในครึ่งหลัง ไดช์ยังมีทั้งเอ็นดอยที่สามารถเพิ่มมิติริมเส้น, เชซุสที่เพิ่มความแข็งแกร่งในแดนหน้า และแอนเดอร์สันที่สามารถเติมพลังแดนกลางหรือปรับระบบให้แน่นขึ้นตามสถานการณ์
เกมนี้สำคัญแค่ไหนต่อเส้นทางของฟอเรสต์ในยุโรป?
แม้จะเป็นเพียงเกมในรอบแบ่งกลุ่ม แต่ในเชิงจิตวิทยา การเก็บชัยชนะในค่ำคืนนี้จะช่วยยืนยันภาพว่าฟอเรสต์ไม่ใช่แค่ทีมที่กำลังฟอร์มดีในพรีเมียร์ลีก แต่ยังสามารถยืนหยัดในเวทีระดับยุโรปได้เหมือนกัน
สำหรับ ฌอน ไดช์ เกมนี้คือบททดสอบการจัดการสภาพทีม การโรเตชัน และการรักษามาตรฐานของฟอร์มการเล่นแม้จะใช้ผู้เล่นคนละชุดกับเกมลีก เป็นโอกาสให้เขาแสดงให้เห็นอีกครั้งว่า “ระบบ” ที่เขาวางไว้นั้นแข็งแรงพอให้ใครลงก็เล่นได้ในแนวทางเดียวกัน
สรุป: ฟอเรสต์ยุคไดช์ ทีมที่มีทั้งแผนการเล่นและแผนระยะยาว
รายชื่อ 11 ตัวจริงของ ทีมน็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ในเกมพบมัลโม่ แสดงให้เห็นว่า ฌอน ไดช์ ไม่ได้คิดเกมต่อเกมแบบหวังผลระยะสั้น แต่กำลังค่อย ๆ วางรากฐานทั้งเรื่องแท็กติก โครงสร้างทีม และการบริหารสภาพร่างกายนักเตะ
ท่ามกลางปัญหาอาการบาดเจ็บและการขาดหายไปของแกนหลักอย่างมอร์แกน กิ๊บส์-ไวท์ ฟอเรสต์ยังสามารถส่งทีมที่ดูแข็งแกร่งและสมดุลลงสู่สนามได้ นี่คือสัญญาณที่ดีของทีมที่ไม่ได้พึ่งพาแค่บุคคล แต่พึ่งพาระบบและสปิริตทั้งสโมสร
รวมทุกประเด็นร้อนในวงการฟุตบอลต่างประเทศ อัปเดตสกอร์ สด เรื่องเล่าในสนาม และมุมมองแบบแฟนบอลตัวจริง ต้องห้ามพลาด ufa007
